ลิโอเนล เมสซี ศูนย์หน้าวัย 32 ปี คว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้เป็นสมัยที่ 6 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เขาคว้ารางวัลนี้นับตั้งแต่ปี 2015 หลังจากที่โชว์ฟอร์มยิงไป 54 ประตูให้กับสโมสรบาร์เซโลนาและทีมชาติอาร์เจนตินาในปี 2018/19
โดยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2019 France Football นิตยสารฟุตบอลชื่อดังของประเทศฝรั่งเศส ได้จัดงานมอบรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมบัลลงดอร์ ประจำปี 2019 ที่โรงละครชาเตอเลต์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
โดยในปีนี้ ผลปรากฏว่า ลิโอเนล เมสซี ศูนย์หน้าทีมชาติอาร์เจนตินา คว้ารางวัลนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 6 ทำสถิติเป็นนักฟุตบอลที่คว้าบัลลงดอร์ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังตัวเก่งทีมลิเวอร์พูล คว้าอันดับ 2 ไปครอง ตามด้วย คริสเตียโน โรนัลโด ที่คว้าไป 5 สมัย ได้รับโหวตเป็นอันดับที่ 3
“เหมือนที่ภรรยาผมบอก คุณต้องไม่หยุดฝัน แต่เราก็ต้องพัฒนาตัวเองและมีความสุขไปกับมัน ผมโชคดีมาก” เมสซีกล่าวหลังคว้ารางวัลบัลลงดอร์สมัยที่ 6 และส่งผลให้นักเตะจากลาลีกา สเปน คว้ารางวัลนี้ติดต่อกันเป็นปีที่ 11
“ผมหวังว่าผมจะสามารถทำแบบนี้ได้ต่อไป ผมรู้ดีว่าผมโชคดี แม้ว่าวันหนึ่งผมก็ต้องเกษียณ ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ยากมาก
“แต่ผมยังมีปีที่สวยงามอีกหลายปี เวลาผ่านไปเร็ว ดังนั้นผมจะใช้เวลาที่มีความสุขกับฟุตบอลและครอบครัว”
สำหรับ ลิโอเนล เมสซี ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลที่ผ่านมา ล่าสุดเขาเพิ่งลงสนามครั้งที่ 700 ให้กับสโมสรบาร์เซโลนา ซึ่งเขาสามารถยิงประตูให้กับทีมไปทั้งหมด 614 ประตู คว้าแชมป์ 34 รายการ รวมถึงแชมป์ลาลีกา 10 สมัย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 4 สมัย
ขณะที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังตัวเก่งทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่เกือบจะกลายเป็นกองหลังคนที่คว้ารางวัลนี้ต่อจาก ฟาบิโอ คันนาวาโร กองหลังทีมชาติอิตาลีที่คว้าไปเมื่อปี 2006 ได้กล่าวยกย่องทั้ง ลิโอเนล เมสซี และคริสเตียโน โรนัลโด
“มันเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังมีนักเตะระดับนี้อยู่ (เมสซี-โรนัลโด) ดังนั้นคุณต้องให้เกียรติความยิ่งใหญ่ของพวกเขา
“ผมเข้าใกล้การคว้ารางวัล แต่สุดท้ายเป็นคนที่ดีกว่าที่ได้ไป ผมภูมิใจกับผลงานในปีที่แล้วกับลิเวอร์พูลและทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และหวังว่าเราจะสามารถทำมันได้อีกในปีนี้ แต่ก็ยอมรับว่าจะเป็นเรื่องยากถ้าพวกเขายังลงเล่นอยู่
“ผมไม่เคยคิดว่าผมจะมีชื่อเข้ามาคว้าบัลลงดอร์ จนกระทั่งผมได้รับการเสนอชื่อเข้ามา มันแสดงให้เห็นว่าอาชีพของผมมาไกลขนาดไหน อาชีพของผมต่างกับผู้ชนะในคืนนี้ ผมมาช้า แต่ผมไม่เคยล้มเลิกความฝันของผม
“ผมได้ทำงานหนักทุกขั้นตอนที่ผ่านมา ดังนั้นการที่ผมได้มาอยู่จุดนี้เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมาก ผมอยากจะทำงานหนักและกลับมาอยู่จุดนี้ในปีหน้าอีกครั้ง” เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์