THE STANDARD พาสำรวจความพร้อมของอาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก อาสนวิหารอายุ 100 ปี 1 ในสถานที่ทั้ง 4 แห่งที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะเสด็จพบคริสตศาสนิกชนไทย รวมถึงคริสตศาสนิกชนทั่วเอเชียที่จะร่วมเข้าพบพระองค์ในระหว่างการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 20-23 พฤศจิกายนนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเผยโฉมรถพระที่นั่งหรือ Popemobile 2 คันที่จะใช้ในระหว่างการเสด็จพบปะคริสตศาสนิกชนในไทย โดยทั้งตัวรถ Popemobile คันใหญ่ รวมถึงเก้าอี้ที่ประทับมีสีขาวล้วน ประดับด้วยตราประจำพระองค์และธงนครรัฐวาติกัน มีหลังคาใส พร้อมปูพื้นด้วยพรมสีแดง มีป้ายทะเบียน ‘S.C.V. 1’ ซึ่งย่อมาจาก ‘Status Civitatis Vaticanae’ (นครรัฐวาติกัน) โดยรถทุกคันในวาติกันจะใช้ป้ายทะเบียนลักษณะนี้
รถ Popemobile ทั้งสองคันนี้จะถูกเลือกใช้ให้เหมาะแก่เส้นทางที่พระองค์จะเสด็จ โดยจะต้องมีการส่งแบบไปยังสำนักวาติกันเพื่อขอความเห็นชอบก่อน จะเห็นได้ว่ารถ Popemobile นี้ถูกออกแบบมาให้สมเด็จพระสันตะปาปาสามารถพบปะคริสตศาสนิกชนได้อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้อัครสังฆมณฑลยังเผยโฉมจอกกาลิกส์ศักดิ์สิทธิ์อายุกว่า 173 ปี โดย อาจารย์พุฒิพงศ์ พุฒตาลศรี นักประวัติศาสตร์คาทอลิกไทย ให้รายละเอียดว่าจอกกาลิกส์ศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ทำจากเงินแท้ โดยช่าง Dejean ผ่านกรรมวิธีให้เนื้อทองคำซึมเข้าไปด้วยปรอท และใช้ความร้อนไล่ปรอทออกมาเพื่อเคลือบจอกด้วยกะไหล่ทอง โดยเชื่อกันว่าจอกกาลิกส์ศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นสัญลักษณ์ของการถวายบูชามิสซา เมื่อเทเหล้าองุ่นลงไปขณะที่อยู่ในพิธีกรรม เหล้าองุ่นนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นพระโลหิตของพระเยซูเจ้า ซึ่งทุกพิธีมิสซาจำเป็นต้องมีจอกกาลิกส์เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม
สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงใช้จอกกาลิกส์ศักดิ์สิทธิ์ใบนี้ประกอบพิธีมิสซาหรือพิธีบูชาขอบพระคุณ (พระสันตะปาปาเทศน์) ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 18.00 น. รวมถึงพิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับเยาวชน ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก ในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป นับเป็นการเสด็จพบปะคริสตชนในไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปี หลังจากการเสด็จเยือนไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 เมื่อปี 2527