ก่อนจะสิ้นปลายปีนี้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปบ้างเล็กน้อย เมื่อ Trade War ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกายอมเปิดโต๊ะเจรจา โดยวาระแรก หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามกำหนดบนปฏิทิน น่าจะเกิดขึ้นราวต้นเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งถือเป็นข่าวดี (เล็กๆ) ต่อภาคธุรกิจของทั้งโลกและประเทศไทย
อีกหนึ่งเหตุการณ์ระดับโลกด้านเศรษฐกิจที่ต้องจับตาไม่แพ้กันก็คือ ผลกระทบของ Brexit ทว่า ลึกๆ แล้วข่าวการแยกตัวของสหราชอาณาจักรกับ EU น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม สองปัญหายักษ์ใหญ่ดังกล่าวก็สร้างความผันผวนให้กับตลาดทุนภายในประเทศอยู่พอสมควร นักลงทุนต่างกังวลกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น การเลือกบริหารพอร์ตลงทุนให้มีความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยง จึงเป็นทางเลือกที่ควรพิจารณา
และหนึ่งในตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจก็คือ กองทรัสต์ WHART กับการประกาศเพิ่มทุนครั้งที่ 4 ที่จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินหลักประเภทคลังสินค้าและโรงงานระดับพรีเมียมจำนวนถึง 5 โครงการ
ทำไมต้องกองทรัสต์ WHART?
กองทรัสต์ WHART คือ กองทรัสต์สำหรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยโครงการคลังสินค้าและโรงงาน ในรูปแบบ Built-to-Suit และ Ready-Built ระดับพรีเมียม สำหรับการประกาศเพิ่มทุนครั้งที่ 4 นี้ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ สิทธิการเช่า และสิทธิการเช่าช่วง บนพื้นที่ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ในพื้นที่เป้าหมายนำร่องใน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ซึ่งในตัวโครงการมีการออกแบบการขนส่งและคมนาคมไว้อย่างครอบคลุม ทั้งทางถนน ทางราง ทางอากาศ และทางน้ำ รวมถึงให้สิทธิประโยชน์ เพื่อดึงดูดให้บรรษัทข้ามชาติจากทั่วทุกมุมโลกสนใจมาลงทุนตั้งฐานการผลิตที่ไทย สำหรับแผนการลงทุนของรัฐบาลตามกรอบการลงทุนรวมของภาครัฐและเอกชนระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2560-2564) รวมเม็ดเงินลงทุนกว่า 1.5 ล้านล้านบาท โดยภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้กองทรัสต์ WHART มีสินทรัพย์รวมหลังการเพิ่มทุนมูลค่ากว่า 38,000 ล้านบาท และช่วยเพิ่มโอกาสด้านผลกำไรทางธุรกิจให้กับนักลงทุนมากยิ่งขึ้น
ถึงดอกเบี้ยขาลง แต่ยังได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ
รายงานสภาพเศรษฐกิจจากจากสำนักข่าว Bloomberg เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2562 รายงานว่า Fed หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยปรับลดดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ระดับ 1.5-1.75% เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว และปัญหา Trade War ที่ยังมองไม่เห็นข้อสรุปอย่างชัดเจน ทำให้ปัจจุบันธนาคารหลายแห่งทั่วโลกมีแนวโน้มไปในทิศทางดังกล่าว เช่นเดียวกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) หนึ่งในคณะกรรมการหลักของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งรับผิดชอบด้านการกำหนดทิศทางของนโยบายการเงิน ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 1.50 ต่อปี เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา และมีมติเอกฉันท์อีกครั้งในวันที่ 25 กันยายน 2562 ว่าให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เช่นเดิมตามนั้น สภาพดอกเบี้ยขาลงเช่นนี้จึงเหมาะกับการลงทุนในกองทรัสต์ขนาดใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยมีอัตราจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยสูงกว่า 4-5% ต่อปี ซึ่งเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรก็ยังสูงกว่าและมีความผันผวนน้อยกว่า SET Index
5 โครงการระดับพรีเมียม ครบทั้งระบบสาธารณูปโภค-พลังงาน และ Digital Infrastructure ตามมาตรฐานสากล
โครงการทั้งหมดโดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งบนถนนบางนา-ตราด และพื้นที่ในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พร้อมสัญญาเช่าระยะยาวจากผู้เช่าศักยภาพสูง ในหลากหลายอุตสาหกรรมชั้นนำ สำหรับ 5 โครงการระดับพรีเมียม ได้แก่ ประเภทอาคารคลังสินค้าในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 3 แห่ง คือ 1. โครงการ WHA Mega Logistics Center (โครงการ Unilever) 2. โครงการ WHA Mega Logistics Center (โครงการ WHA DAIWA) 3. โครงการ WHA KPN Mega Logistics Center (โครงการ WHA KPN) และประเภทโรงงานในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จำนวน 2 แห่ง คือ โครงการอาคารโรงงาน DTS และโครงการอาคารโรงงาน Roechling
ท้ายที่สุดแล้ว การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แต่การลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เป็นหน้าที่ของนักลงทุนที่จะต้องศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมทุกครั้งก่อนตัดสินใจ และหากศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองแล้ว การลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญและสถาบันที่น่าเชื่อถือจึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเสริมน่าสนใจ เพื่อให้เม็ดเงินของท่านเติบโตออกดอกเป็นผลกำไรอย่างสม่ำเสมอ และนี่คือความหมายของนักลงทุนที่แท้จริงที่มองเห็นโอกาส กล้าตัดสินใจ มีกลยุทธ์ และพร้อมรับความเสี่ยง ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะเป็นอย่างไร
โดยกองทรัสต์ WHART จะเปิดเสนอขายให้กับผู้ถือหน่วยเดิมในวันที่ 12-15 และ 18 พฤศจิกายน 2562 และนักลงทุนทั่วไป/1 ในวันที่ 19-22 และ 25 พฤศจิกายน 2562 ผู้ลงทุนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 0 2888 8888 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.sec.or.th หรือ www.whareit.com
หมายเหตุ /1 ตามดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและผู้จัดจำหน่าย
อ้างอิง: