เมื่อวานที่ผ่านมา (15 ส.ค.) นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันประกาศเอกราชของอินเดีย โดยให้คำมั่นจะพลิกฟื้นและปกป้องแคชเมียร์ ท่ามกลางข้อพิพาทกับปากีสถานที่ต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนแคชเมียร์ทั้งหมด หลังประกาศยกเลิกสถานะพิเศษของรัฐชัมมูและแคชเมียร์ที่มีมานานกว่า 70 ปี และแยกให้กลายเป็นสองดินแดนสหภาพใหม่อย่างชัมมูและแคชเมียร์รวมถึงลาดักห์
การประกาศยกเลิกสถานะดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชาวแคชเมียร์ที่อาศัยอยู่ในอินเดียกว่าเจ็ดล้านคน โดยหลายพื้นที่ของรัฐชัมมูและแคชเมียร์เดิมกลายเป็นเมืองร้างไร้ผู้คน มีทหารจำนวนมากกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ อีกทั้งยังไม่มีกระแสไฟฟ้าและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตใช้นานกว่า 11 วันแล้ว
ผู้นำอินเดียระบุว่า สถานะพิเศษของรัฐชัมมูและแคชเมียร์เปิดช่องโหว่ให้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนภายในรัฐที่ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามแห่งนี้ อีกทั้งยังไม่ยุติธรรมต่อผู้หญิงชาวแคชเมียร์ที่กฎหมายดังกล่าวระบุว่า ผู้หญิงชาวแคชเมียร์คนใดที่สมรสกับคนจากภายนอกรัฐจะสูญเสียสิทธิในการรับมรดก แต่อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังเป็นกังวลว่า สถานะพิเศษที่หายไปอาจส่งผลต่อสัดส่วนประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาฮินดู เปิดโอกาสให้คนภายนอกเข้าไปจับจองที่ดิน จนอาจกลายเป็นปัญหาที่คล้ายคลึงกับกรณีของอิสราเอลและปาเลสไตน์
โดยทางการอินเดียเชื่อมั่นว่า แคชเมียร์จะกลับมาสงบสุขดังเดิม หลังการเปลี่ยนถ่ายอำนาจภายในประเทศดำเนินไปได้ด้วยดีและสันติ
ภาพ: Ajay Aggarwal / Hindustan Times via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: