×

จับตาดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐฯ คาดฟื้นตัวจากครั้งก่อน, ธปท. พร้อมใช้มาตรการ DSR ยันไม่กระทบปล่อยสินเชื่อ: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (5 ส.ค. 2562)

โดย FINNOMENA
05.08.2019
  • LOADING...
  • จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยสัปดาห์นี้สหรัฐฯ มีกำหนดจะประกาศข้อมูลดัชนี ISM Manufacturing PMI ในวันนี้ (5 ส.ค.) ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจที่สำคัญในด้านอุตสาหกรรม โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยสู่ระดับ 55.5 จุด จากครั้งก่อนหน้าที่ระดับ 55.1 จุด ซึ่งยังอยู่ในแดนขยายตัวต่อเนื่องนานกว่า 100 เดือนติดต่อกัน นอกจากนี้สหรัฐฯ จะประกาศตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ JOLTs Job Openings ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับ 7.268 ล้านตำแหน่ง ซึ่งลดลงจากครั้งก่อนหน้าเล็กน้อยที่ระดับ 7.323 ล้านตำแหน่ง แต่ยังเป็นการทรงตัวอยู่เหนือระดับ 7 ล้านตำแหน่งนับตั้งแต่ต้นปี 2019 สอดคล้องกับมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ระบุว่าตลาดแรงงานยังมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

 

  • รณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้เตรียมมาตรการการปล่อยสินเชื่อโดยพิจารณาภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR) เป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่จะประกาศบังคับใช้ในช่วงปลายปี 2019 ซึ่งจะครอบคลุมสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กำกับทั้งหมด ทั้งธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร เพื่อให้สถาบันการเงินเห็นความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบางหรือกลุ่มเสี่ยง เพื่อที่จะสามารถดูแลและควบคุมได้อย่างถูกต้องและเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงในอนาคต โดยสถาบันการเงินอย่างธนาคารออมสินระบุว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการปล่อยสินเชื่อในอนาคต เนื่องจากธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อโดยใช้ข้อมูลภาระหนี้จากเครดิตบูโรเพื่อพิจารณา DSR อยู่แล้ว และยังเชื่อว่าหากบางสถาบันไม่ได้ใช้มาตรการดังกล่าวก็อาจมีการปรับกลยุทธ์ เช่น การขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ เพื่อให้การปล่อยสินเชื่อเป็นไปได้มากขึ้นโดยไม่ขัดต่อเกณฑ์ดังกล่าว

 

  • จีนเดินหน้าตอบโต้ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มกับสินค้ามูลค่ากว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ว่าจีนไม่พอใจอย่างยิ่งกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว และจะดำเนินมาตรการตอบโต้ตามความจำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน อย่างไรก็ตาม การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในช่วงต้นเดือนกันยายนยังมีแนวโน้มเกิดขึ้นต่อไป 

 

  • 6 ธนาคารกลาง ประกอบไปด้วย ไทย (ธปท.), นอร์เวย์, นิวซีแลนด์, อินเดีย, ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์ เตรียมประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งสร้างแรงกดดันและความคาดหวังของนักลงทุนต่อท่าทีของธนาคารกลางอื่นๆ ทั่วโลกว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามแนวโน้มดังกล่าวหรือไม่ โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นสำคัญ จากความกังวลกรณีเงินทุนไหลเข้าจากอัตราดอกเบี้ยแท้จริง (Real Interest Rate) ที่สูงกว่าสหรัฐฯ ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางของนอร์เวย์ อินเดีย และนิวซีแลนด์ มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ รวมไปถึงป้องกันเงินทุนไหลเข้า ขณะที่ออสเตรเลีย ไทย และฟิลิปปินส์ ยังคงถูกคาดการณ์ว่าจะสงวนท่าทีต่อไป

 

  • ฮ่องกงเดือดไม่หยุด โดยวันนี้ (5 ส.ค.) กลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงเตรียมนัดหยุดงานและชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อกดดันให้ แคร์รี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงลาออกจากตำแหน่ง โดยองค์กรและสหภาพแรงงานหลายแห่งประกาศตอบรับการนัดหยุดงานดังกล่าวแล้ว ส่งผลให้สายการบินจำนวนมากยกเลิกเที่ยวบินไปยังฮ่องกงวันนี้ ขณะที่ธนาคารและสำนักงานทางการเงินประกาศดำเนินกิจการเท่าที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ การชุมนุมครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการท้าทายรัฐบาลฮ่องกงและจีนโดยตรง ส่งผลให้ทางการจีนมีท่าทีที่แข็งกร้าว และประกาศว่ากองทัพพร้อมที่จะปราบปรามกลุ่มก่อความไม่สงบหากได้รับการร้องขอจากทางการฮ่องกง 

 

ภาวะตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา

  • สงครามการค้าสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งไม่ใช่แค่คู่ของสหรัฐฯ-จีนเท่านั้น เพราะความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเช่นกัน หลังญี่ปุ่นประกาศถอดเกาหลีใต้ออกจาก White List ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญที่ได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง ทั้งทองคำ สกุลเงินเยนของญี่ปุ่น และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยทองคำปรับตัวสูงขึ้น 20.8 เหรียญสหรัฐ (1.45%), ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นถึง 2.50% เมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐ จากระดับ 109.26 สู่ระดับ 106.50 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลงจาก 2.63% สู่ระดับ 1.84%

 

ยุโรป

  • Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3376.12 ลดลง -113.91 (-3.26%)
  • DAX ปิดที่ 11872.44 ลดลง -380.71 (-3.11%)
  • FTSE 100 ปิดที่ 7407.06 ลดลง -177.81 (-2.34%)
  • FTSE MIB ปิดที่ 21046.86 ลดลง -520.05 (-2.41%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 ปิดที่ 21067.77 ลดลง -473.22 (-2.2%)
  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 6768.6 ลดลง -20.3 (-0.3%)
  • Shanghai ปิดที่ 2867.84 ลดลง -40.93 (-1.41%)
  • Hang Seng ปิดที่ 26918.58 ลดลง -647.12 (-2.35%)
  • SET ปิดที่ 1684.71 ลดลง -15.04 (-0.88%)
  • KOSPI ปิดที่ 1998.13 ลดลง -19.21 (-0.95%)
  • BSE Sensex ปิดที่ 37118.22 เพิ่มขึ้น 99.9 (+0.27%)

 

อเมริกา

  • Dow 30 ปิดที่ 26485.01 ลดลง -98.41 (-0.37%)
  • S&P 500 ปิดที่ 2932.05 ลดลง -21.51 (-0.73%)
  • Nasdaq ปิดที่ 8004.07 ลดลง -107.05 (-1.32%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมัน Crude Oil WTI ปิดที่ 55.23 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.28 (+2.37%)
  • ราคาน้ำมัน Brent Oil ปิดที่ 61.27 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.77 (+1.27%)
  • ราคาทองคำ Gold ปิดที่ 1453.2 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 20.8 (+1.45%)

 

finnomena in partnership

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • Markit

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising