จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ได้มีการพบพะยูนเกยตื้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งทะเลจังหวัดกระบี่และจังหวัดตรัง นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าเสียดายเป็นอย่างมาก สำหรับสัตว์ป่าสงวนหายากที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม คาดว่าอาจจะเหลือประชากรพะยูนในทะเลไทยเพียง 200 กว่าตัวเท่านั้น
วานนี้ (18 ก.ค.) วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินงานด้านการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่จังหวัดตรัง พร้อมคณะฯ กล่าวว่า หลังจากได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง จึงเลือกเดินทางไปยังจังหวัดตรังเป็นที่แรก เพื่อลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการอนุบาลลูกพะยูนน้อยแบบธรรมชาติ และร่วมหารือเกี่ยวกับมาตรการในการดูแลสัตว์ทะเลหายาก ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของกรม ทช.
ทั้งนี้ จากการรายงานสถานการณ์ของพะยูนเบื้องต้นทราบว่า ปัจจุบันประเทศไทยพบพะยูนจำนวน 200-250 ตัว โดยพะยูนเป็นสัตว์สงวนตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 อีกทั้งยังพบการเกยตื้นของพะยูนส่วนใหญ่มักเกิดจากภัยคุกคามทางด้านการประมง 89% ป่วยตาย 10% และอื่นๆ 1% โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการพบลูกพะยูนขึ้นมาเกยตื้นในพื้นที่จังหวัดกระบี่
โดยเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ได้ทำการขนย้ายมาอนุบาลในพื้นที่อ่าวดูหยง เกาะลิบง เพราะว่าในพื้นที่แห่งนี้มีทรัพยากรของหญ้าทะเลหลากหลายสายพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงมีพะยูนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย พร้อมกับมีการตั้งชื่อว่า ‘เจ้ามาเรียม’ ซึ่งแปลว่าหญิงสาวผู้มีความสง่างามแห่งท้องทะเล โดยในขณะนี้ทีมสัตวแพทย์จากกรม ทช. และอาสาสมัครผู้พิทักษ์ดูหยงได้ทำการดูแลเจ้ามาเรียมแบบธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ตลอดจนมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ทั้ง 6 จุด เพื่อถ่ายทอดสดสัญญาณผ่านทางเพจเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ของกรม ทช. ตลอด 24 ชั่วโมง
ซึ่งมองในแง่ดี จะช่วยดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ให้กับเจ้ามาเรียม และอีกมุมหนึ่งทุกคนทั่วโลกจะได้เห็นกิจวัตรประจำวันของทีมงานสัตวแพทย์ โดยเริ่มตั้งแต่การป้อนนม การสอนกินหญ้า การพายเรือแม่ส้มออกไปสอนว่ายน้ำ เพื่อเป็นการเรียนรู้ชีวิตสัตว์ทะเลหายากที่ไม่เคยมีใครเห็นอย่างใกล้ชิดมาก่อน หากเจ้ามาเรียมแข็งแรงและสามารถปรับสภาพได้ดีแล้ว ก็จะปล่อยเจ้ามาเรียมกลับไปใช้ชีวิตตามธรรมชาติ และในอนาคตข้างหน้านี้ กรม ทช. จะทำการฝังชิปและติดแท็กเพื่อระบุตัวตนของเจ้ามาเรียมอีกด้วย
รัฐมนตรี ทส. กล่าวต่อว่า จากนั้นได้รับฟังการสรุปแนวทางในการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากจากผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ทีมสัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่ดูแลเจ้ามาเรียม พร้อมกับร่วมพบปะพูดคุยกับเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลจังหวัดตรังจำนวน 200 คน เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน อีกทั้งให้โอวาทและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่แก่เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล พร้อมทั้งฝากให้ทุกคนเป็นหูเป็นตาในการปกป้อง ดูแล และช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้ หากพบการเกยตื้นให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทราบ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ทำการรักษาและดูแลได้ทันท่วงที
หลังจากนี้กระทรวง ทส. จะเดินหน้าขับเคลื่อนและให้ความสำคัญเกี่ยวกับงานด้านการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยเฉพาะสัตว์ทะเลหายากที่พบการเกยตื้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่พะยูนเท่านั้น แต่ยังมีสัตว์ทะเลหายากอีกหลายชนิด เช่น ฉลามวาฬ, โลมา และเต่าทะเล เป็นต้น
พร้อมขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการประมงในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแลและสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญ ตลอดจนมีความรักและหวงแหนต่อสัตว์ทะเลหายาก อีกทั้งจะมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุต่อสัตว์ทะเลหายาก ตลอดจนจัดทำพื้นที่คุ้มครองเพื่อให้เป็นแหล่งหากินของพะยูนในพื้นที่ทะเลตรัง รวมถึงขอความร่วมมือไปยังผู้ที่อาศัยอยู่ชายฝั่ง ในการป้องกันและดูแลสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้ ไม่ให้ได้รับผลกระทบทั้งจากขยะพลาสติก การทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการล่าเอาเขี้ยวของพะยูนมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดๆ เพื่อให้พะยูนและสัตว์ทะเลหายากอยู่คู่กับทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลต่อไป
ภาพ: กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: