ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค แถลงข่าวหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคว่า พลตำรวจโท วิโรจน์ เปาอินทร์ ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเรียบร้อยแล้ว และภูมิธรรมได้ยื่นหนังสือลาออกต่อคณะกรรมการบริหารพรรคให้รับทราบ ทำให้กรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งชุด และจะยื่นหนังสือให้ กกต. ทราบหลังจากนี้
ขณะเดียวกันที่ประชุมมีมติให้ ปลอดประสพ สุรัสวดี ดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค และจะมีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ในวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น. โดยจะมีตัวแทนประจำจังหวัด ผู้แทนภาค ผู้แทนสาขา ส.ส. อดีต ส.ส. และอดีตรัฐมนตรี จำนวน 490 คน ร่วมประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ และหัวหน้าพรรคจะเลือกกรรมการบริหารพรรคอีกไม่เกิน 29 คน
ทั้งนี้ภูมิธรรมชี้แจงว่าแม้พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงมากที่สุดจากการเลือกตั้ง แต่ไม่มี ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อเลย และกฎหมายกำหนดให้ผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็น ส.ส. และหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงมากที่สุดเท่านั้น ซึ่งกลางเดือนกรกฎาคมนี้คาดว่าจะได้รายชื่อหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และโปรดเกล้าฯ รายชื่อผู้นำฝ่ายค้านพร้อมกับคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ภูมิธรรมยังยอมรับว่าในที่ประชุมมีการนำเสนอรายชื่อบุคคลจำนวนหนึ่งที่เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรคให้ที่ประชุมใหญ่ได้พิจารณา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ ตามกระแสข่าว
ภูมิธรรมยังกล่าวอีกว่าตนเป็นเลขาธิการพรรคมาตั้งแต่ต้น รวมถึงสมัยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และผ่านวิกฤตการณ์มาหลายครั้งหลายหน ตนได้ประคับประคองพรรคและดูแลมาจนผ่านพ้นวิกฤตการณ์ของการทำรัฐประหารจนประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับจากพี่น้องประชาชนว่าเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับหนึ่ง แต่ด้วยกติกาที่ไม่เป็นธรรมทำให้ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นก่อนที่จะผ่านพ้นวาระนี้ไป 7 พรรคฝ่ายค้านจึงร่วมมือกันเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการแก้ไขกติกา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญที่เป็นอุปสรรคสำคัญของประเทศ ซึ่งเป็นภารกิจที่ 7 พรรคฝ่ายค้านจะต้องทำงานร่วมกันต่อไป ทั้งวิปร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและการมีส่วนร่วมของประชาชนในสถาบันองค์กรต่างๆ นอกสภาฯ ตนถือว่าทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว จากนี้ไปคนรุ่นหลังต้องแบกรับภารกิจ พร้อมยืนยันว่าตนก็ไม่ได้ไปไหน ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย
เลขาธิการพรรคเพื่อไทยยอมรับว่าคราวนี้ตนปฏิเสธที่จะถูกเสนอชื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคใหม่ เพื่อที่จะเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ตนไม่รู้สึกใจหายหรือเสียใจ เพราะเชื่อว่าคนที่มีอุดมการณ์อยู่ตรงไหนก็ทำงานได้ ตนขอเป็นกำลังเสริมเพื่อให้พรรคกอบกู้เอาประชาธิปไตยมาสู่คนไทย และยืนยันไม่ย้ายพรรค ยังยึดมั่นในอุดมการณ์และเชื่อมั่นในพรรค ตนจะเป็นฝ่ายสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ทำงานให้พรรคเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน
“ถ้าไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาก็คิดว่าจะยังช่วยให้พรรคทำหน้าที่นี้ได้ อาจจะไปช่วยสนับสนุนผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ และจะได้มีเวลาคิดทบทวนประสบการณ์ทั้งหมดที่อยู่กับการเมืองของประเทศไทยมาใช้ประโยชน์”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในอนาคตจะมีพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอื่นมาชวนไปอยู่ด้วยหรือไม่ ภูมิธรรมตอบว่ายังไม่อยากพูดถึงอนาคต แต่ถ้าพรรคใดมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเหมือนกันก็ทำงานร่วมกันได้
นอกจากนี้ยังปฏิเสธว่าการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้ไม่ใช่การรีแบรนด์พรรค เพราะส่วนตัวยังไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยเก่าหรือล้าสมัย แต่เป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ยึดโยงกับประชาชน ตนเชื่อว่าประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี อีกอย่างคือพรรคยังยึดโยงกับประชาชน คิดนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชน และพรรคยังเท่าทันการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งการปรับคณะกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้ไม่ใช่การปรับเพื่อเข้าไปทำงานในสภาฯ อย่างเดียว แต่พรรคปรับตัวเองอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ส่วนจำนวนกรรมการบริหารพรรคจะมีเท่าเดิมหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แต่ส่วนตัวมองว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา จำนวนกรรมการบริหารพรรค 29 คนเหมาะสมกับประสบการณ์ของพรรคที่ถูกโจมตีทางการเมือง โดนยุบพรรค และทำให้กรรมการบริหารพรรคโดนตัดสิทธิไปหลายร้อยคน
ภูมิธรรมกล่าวทิ้งท้ายว่าการเมืองใหม่ควรจะเป็นการเมืองซึ่งใช้ตำแหน่งหน้าที่ที่มีอยู่ทำงาน ไม่ใช่ยึดมั่นแต่ผลประโยชน์ของตนมาแย่งชิงตำแหน่งของตัวเอง เพราะหากเป็นเช่นนั้น ประชาชนก็จะเสียศรัทธา มาวันนี้ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอะไร แม้จะไม่มีตำแหน่งใดๆ แต่ยังเป็นคนการเมือง ยังสามารถทำงานการเมืองได้ ยังสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคม และสามารถวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่ไม่ถูกต้องได้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์