×

ศิลปะอยู่รอบตัวเรา พูดคุยกับ น้ำ ชุดาลักษณ์ และ ไมค์ ภาราดา เยาวชนผู้ชนะรางวัลยอดเยี่ยมจากเวที Young Thai Artist Award 2018 [Advertorial]

28.06.2019
  • LOADING...
Young Thai Artist Award

HIGHLIGHTS

10 Mins. Read
  • ไมค์เริ่มสนใจงานด้านศิลปะ เพราะว่าตัวเองเป็นโรคหอบหืดตั้งแต่เด็ก สมัยเรียนที่จังหวัดชลบุรี ช่วงที่เพื่อนๆ เตะบอลกัน ไมค์ก็จะนั่งวาดรูปและปั้นดินน้ำมัน
  • สมัยที่น้ำเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่จังหวัดบึงกาฬ ไม่มีครูสอนกีตาร์คลาสสิกเลย จนน้ำต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ
  • ไมค์เคยหันหลังให้กับความฝันด้านศิลปะของตัวเอง และเตรียมฟิตร่างกายเพื่อที่จะเตรียมสอบนายร้อยทหาร
  • น้ำเคยประกวดโครงการ Young Thai Artist Award มากถึง 4 ครั้ง

ถึงแม้เราจะคุ้นเคยกันดีกับคำพูดที่ว่า “ศิลปะนั้นอยู่รอบตัว” แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถนำสิ่งที่อยู่รอบนั้นมาสร้างสรรค์ผลงาน จนประกอบอาชีพ และสามารถเรียกตัวเองว่า ‘ศิลปิน’ ได้เต็มปาก

 

หลายครั้งที่อุปสรรคขัดขวางเส้นทางไม่ใช่ ‘ความสามารถ’ หากแต่เป็น ‘พื้นที่’ และ ‘โอกาส’ ให้แสดงความสามารถเหล่านั้นออกมายังไม่เปิดกว้างมากพอ

 

ด้วยเหตุนี้ศิลปินหลายๆ คนจึงต้องการพิสูจน์ให้คนทั่วไปได้สัมผัสถึงความรักและความตั้งใจต่องานศิลปะของตนเอง เหมือนอย่าง น้ำ-ชุดาลักษณ์ พินันท์ หญิงสาวจากจังหวัดบึงกาฬ ที่ชื่นชอบในเสียงดนตรีและกีตาร์คลาสสิก ถึงขนาดยอมจากบ้านเกิด เพื่อมาเรียนรู้สิ่งที่ตัวเองรักถึงกรุงเทพฯ และ ไมค์-ภาราดา ภัทรกุลปรีดา เด็กหนุ่มที่เป็นโรคหอบหืด ใช้เวลาว่างขณะที่เพื่อนๆ เตะบอล มาวาดรูปและปั้นดินน้ำมัน จนเกิดเป็นความรักในงานศิลปะขึ้นมา

 

จนทำให้เขาทั้งสองคนฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ในการพิสูจน์ความรักในงานศิลปะของตนเอง จนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากเวที Young Thai Artist Award รางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2018 มาครอบครองได้สำเร็จ

 

เปรียบเสมือนประตูบานใหญ่ที่เปิดรับให้ทั้ง 2 คน ได้เดินบนเส้นทางแห่งความฝันอย่างเต็มตัว

 

Young Thai Artist Award

 

ตั้งแต่เมื่อไรที่เริ่มรู้ตัวเองว่าชื่นชอบงานศิลปะ

น้ำ: น้ำอยากลองเล่นกีตาร์ด้วยตัวเองตั้งแต่ 10 ขวบ พอเล่นมาเรื่อยๆ ก็รู้สึกชอบ พ่อแม่ก็ให้โอกาสได้ลองเรียนดู ซึ่งในตอนนั้นจังหวัดบึงกาฬที่น้ำอยู่ ไม่มีอาจารย์สอนกีตาร์คลาสสิกเลย น้ำก็ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะสามารถเรียนกีตาร์คลาสสิกที่ไหนได้บ้าง และก็ไปเจอช่องยูทูบของ อาจารย์พัชรา โกษะโยธิน น้ำอยากเรียนกับเขามาก แต่เขาอยู่จังหวัดนนทบุรี เลยย้ายมาเรียน ม.4 ที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อที่จะได้เรียนพิเศษกับอาจารย์ท่านนี้

 

แล้วจุดเปลี่ยนมาเกิดตอนอยู่ ม.5 เราได้เรียนวิชาทฤษฎีทางดนตรี ที่ไม่ใช่แค่กีตาร์ เรียนแล้วชอบ มีความสุขมาก เลยไปถามอาจารย์ว่า ต้องเรียนอะไรถึงจะได้มาสอนแบบนี้ อาจารย์ก็บอกว่า เขาจบเอกประพันธ์ดนตรีมา เราก็เลยตั้งเป้าว่า ตอนมหาวิทยาลัยเราจะเลือกเรียนประพันธ์ดนตรีดีกว่า

 

คลิปที่น้ำดูแล้วอยากเรียนกีตาร์คลาสสิก

 

ไมค์: จุดเริ่มต้นของผมมาจากโรคหอบหืด ทำให้เส้นทางสายกีฬาดูท่าจะไม่ใช่ทางของผมสักเท่าไร เล่นกับเพื่อนๆ ได้ไม่นาน ผมก็เหนื่อยแล้ว พอต้องมานั่งอยู่เฉยๆ ก็เลยลองฝึกวาดรูป ลองเอาดินน้ำมันมาปั้นเล่นไปเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกทีก็เฮ้ย มันมีความสุขกับการทำอะไรแบบนี้นะ แล้วเราก็เริ่มจริงจังกับงานศิลปะพวกนี้มาตั้งแต่ประมาณ ม.3 เลยครับ

 

Young Thai Artist Award

 

ก่อนที่จะมาประกวดเวที Young Thai Artist Award เคยประกวดที่ไหนมาก่อนบ้าง

น้ำ: เคยประกวดได้ Popular Vote ค่ะ จากรายการ บทเพลงไทยสมัยนิยม ของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมค่ะ ก็จะเป็นแนวเพลงป๊อป แต่ว่าเรียบเรียงร่วมกับออร์เคสตรา แล้วก็ได้เล่นที่มหิดลค่ะ

 

ไมค์: ของผมช่วงเรียนอยู่มัธยม เคยไปประกวดแข่งขันทักษะศิลปะเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ ในระดับอำเภอ พอเราได้รางวัลระดับอำเภอ เราก็ไปแข่งระดับจังหวัด ระดับประเทศมาเรื่อยๆ ครับ

 

แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมาประกวดเวที Young Thai Artist Award

น้ำ: อาจารย์ที่น้ำเรียนแต่งเพลงด้วยคนแรกแนะนำมาค่ะ ชื่อ อาจารย์สุรัตน์ มุกดา เขาก็เคยชนะการประกวดจากเวที Young Thai Artist Award เหมือนกัน และพอเข้าปี 1 ที่มหิดลได้ เวทีนี้เป็นเวทีที่นักศึกษาสาขาประพันธ์เพลงทุกคนตั้งเป้าหมายว่า ชีวิตหนึ่ง ฉันจะต้องเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย หรือก่อนที่อายุจะเกินกำหนด ฉันต้องได้ที่ 1 รางวัลนี้ให้ได้

 

ไมค์: อาจารย์แนะนำมาครับว่าให้ลองส่งดู เพราะเป็นอีกเวทีที่เขาเปิดโอกาสให้กับงานประติมากรรม 3 มิติ และคนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศก็จะได้รับโอกาสไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นความฝันตั้งแต่ตอนเด็กว่าอยากเที่ยวต่างประเทศด้วย (หัวเราะ)

 

เวที Young Thai Artist Award ให้ประสบการณ์พิเศษที่แตกต่างจากเวทีอื่นอย่างไรบ้าง

น้ำ: น้ำส่งประกวดทั้งหมด 4 ปี ปีแรกได้รางวัลดีเด่น 5 คนสุดท้าย แล้ว 2 ปีถัดมา น้ำรู้ว่าใช้เวลากับมันน้อยเกินไป ทำให้เราไม่เข้ารอบ เลยรู้สึกว่าเวทีนี้เป็นเวทีที่ต้องใส่ใจและตั้งใจมากจริงๆ

 

แล้วการแต่งเพลงมันไม่ใช่มีอารมณ์อยากแต่งแล้วก็แต่งอย่างเดียว แต่เราจะต้องมีวินัยและมีความตั้งใจที่จะทำ เราต้องเขียนมันทุกวัน อยู่กับมันทุกวัน ฟังมันทุกวัน แล้วก็คิดเสมอว่า มันดีพอหรือยัง สามารถปรับเปลี่ยนตรงไหนให้มันดีขึ้นได้หรือเปล่า เราต้องให้เวลากับมันค่ะ

 

ไมค์: ความยากของเวทีนี้อยู่ตรงที่ ต้องทำอย่างไรให้ตัวมอเตอร์เข้าไปอยู่ในตัวผลงาน เพื่อที่จะให้มันเคลื่อนไหว เพราะเราต้องการสร้างความแตกต่างของผลงานของเรา โดยเพิ่มการเคลื่อนไหวให้งานของเราดูมีชีวิต จะสื่อสารอย่างไรให้เขาเกิดความรู้สึก หรือเกิดอารมณ์ร่วมกับตัวผลงาน มันเป็นเรื่องยากที่ว่างานศิลปะมันต้องสื่อกับคนดูให้ได้ ผมก็พยายามที่จะเอาเรื่องราวที่ง่ายๆ เอาสัตว์ที่เราคุ้นเคยทำออกมาให้คนดูได้ชม

 

ปกติเวลาคิดงานมักจะคิดที่ไหน และได้รับแรงบันดาลใจมาจากอะไร

น้ำ: ที่ทำงานที่ดีที่สุดของน้ำคือ ห้องนอนตัวเองค่ะ จะมีสมาธิที่สุด เป็นส่วนตัวที่สุด และน้ำเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ผลงานที่ทำให้น้ำชนะรางวัลจากเวที Young Thai Artist Award ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือเรื่อง เจ้าหงิญ ของ บินหลา สันกาลาคีรี

 

เพลงที่น้ำแต่งชื่อว่าเพลง จิ๋งเญ่า ซึ่งถ้าผวนมันก็คือคำว่าเจ้าหญิง โดยหนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องสั้น 8 เรื่อง ที่มีเจ้าหญิงเหมือนกันทุกเรื่อง แต่บริบทของเจ้าหญิงในแต่ละเรื่องมันจะไม่เหมือนกัน น้ำก็ได้นำมา Symbolize ในรูปแบบของเสียง และแต่งเพลงเป็นแบบ 8 ท่อนสั้นๆ ขึ้นมา

 

Young Thai Artist Award

 

ไมค์: ส่วนมากไมค์จะไปที่ห้องสมุดหรือไม่ก็ห้องนอนครับ เเละถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ผมจะไปดูของจริง เช่น ทำเรื่องช้างก็จะไปดูจากสวนสัตว์ หรืออย่างตัวปลาที่คุ้นเคยกับรูปทรง เเต่ผมก็จะซื้อของจริงมาดู งานที่ผมทำ ไม่สามารถนั่งคิดอยู่กับที่ได้อย่างเดียวครับ

 

เวลานึกอะไรได้ก็จะจดไอเดียเหล่านั้นใส่สมุด หรือไม่ก็พิมพ์ไว้ในโทรศัพท์ บางงานเราอาจจะไม่ได้ใช้เลย เเต่อีกสักปีสองปีเราอาจจะได้นำมาใช้

 

โดยส่วนตัวไมค์มีความสนใจเรื่องของสัตว์ แล้วแม่ไมค์เป็นแม่ค้า คือเรามีความผูกพันกับพวกสัตว์ที่อยู่ในตลาดมาตั้งแต่เด็กๆ เลยครับ งานส่วนใหญ่เลยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์

 

หลังได้รับรางวัลจากเวที Young Thai Artist Award แล้ว เส้นทางสายศิลปะเป็นอย่างไร

น้ำ: ตั้งแต่ได้รางวัลยอดเยี่ยมมา ก็รู้สึกว่าคนรู้จักเรามากขึ้น มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ปัจจุบันน้ำก็เป็นอาจารย์สอนเกี่ยวกับทฤษฎีดนตรีอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เวทีนี้มันไม่ใช่เวทีเล็กๆ น่าจะเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเยาวชนไทยที่เรียนสาขาประพันธ์เพลง ในประเทศไทยแทบจะไม่มีพื้นที่ให้สาขาประพันธ์เพลงได้แสดงความสามารถเลย  

 

ไมค์: เปลี่ยนไปเยอะพอสมควรครับ พอเรามาได้รางวัลจากเวทีนี้ ก็เหมือนเป็นเครื่องการันตีความตั้งใจของเรา เพราะเวลาคนมาซื้องานของเราชิ้นหนึ่ง เขาจะดูไปถึงว่า เราทำงานตลอดหรือเปล่า เราได้รางวัลอะไรบ้าง และการที่เราชนะรางวัลจากเวที Young Thai Artist Award ก็เริ่มที่จะขายงานได้ครับ แล้วก็ช่วยให้เรามีทุนทรัพย์ที่จะสร้างงานศิลปะชิ้นใหม่ขึ้นมา

 

Young Thai Artist Award

 

ประสบการณ์ช่วงที่ได้ไปทัศนศึกษาดูงานศิลปะที่ต่างประเทศกับมูลนิธิเอสซีจีเป็นอย่างไรบ้าง

น้ำ: มูลนิธิฯ ก็พาไปศึกษาดูพิพิธภัณฑ์ ไปดูมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา แล้วก็ได้พักโรงแรมที่ดาราฮอลลีวูดไปพักช่วงเทศกาลรางวัลออสการ์กัน มันเป็นประสบการณ์มีค่าที่เราไม่สามารถหาเองได้ มองว่ามากกว่ารางวัลคือโอกาส เพราะคนที่เดินทางไปกับเราในโครงการนี้ ก็จะมีทั้งศิลปิน อาจารย์ เพื่อนๆ ที่ชนะรางวัลสาขาอื่น การที่เราได้ไปอยู่ร่วมกับคนที่เขามีเป้าหมายที่ชัดเจน มีความสามารถ มันก็จะทำให้เราได้รับทัศนคติที่ดี และทำให้เรามีไฟที่จะทำในสิ่งที่รักต่อ

 

ไมค์: ตื่นเต้นมากครับ มันคือความใฝ่ฝันของเรา คืออยากไปต่างประเทศ ได้สัมผัสอากาศหนาว ได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก และสิ่งที่เซอร์ไพรส์เราที่สุดคือ เราได้ไปดูงานของบุคคลที่เป็นไอดอลของเรา เขาชื่อ รอน มิวอิก ที่ San Francisco Museum of Modern Art ซึ่งเราเคยเห็นแต่ในอินเทอร์เน็ต แต่ว่าวันนี้เรามีโอกาสได้เห็นผลงานของเขาจริงๆ แล้ว มันทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจ มันเหมือนสร้างไฟให้เราอยากจะกลับมาทำผลงานของเราให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

 

Young Thai Artist Award

 

ทำไมไมค์ถึงสนใจในเรื่องของศิลปะสามมิติ และคิดว่าสามารถนำมาต่อยอดอะไรให้กับประเทศไทยได้บ้าง

ไมค์: สนใจงานสามมิติ เพราะผมรู้สึกว่างานประติมากรรมมีความพิเศษตรงที่การใช้วัสดุในการสร้างสรรค์ได้หลากหลาย เเละจากที่ผมเคยสร้างสรรค์งานระหว่างจิตรกรรมเเละประติมากรรม ความรู้สึกส่วนตัวผม เราสังเกตตัวเองว่า เราสามารถอยู่กับงานที่มีรูปเเบบสามมิติได้นาน เเละตื่นเต้นกับวัสดุใหม่ที่ได้นำมาสร้างสรรค์ จึงเลือกเรียนประติมากรรม

 

การสร้างสรรค์งานประติมากรรม นอกจากจะเป็นสื่อหนึ่งในการสื่อสารเเล้ว ผมมองว่าสามารถพัฒนาเเละต่อยอดให้กับประเทศไทยได้หลากหลาย เพราะคนที่ทำงานประติมากรรมจะต้องมีความรู้ในเรื่องวัสดุเเละขั้นตอนการทำ ที่สามารถนำไปพัฒนาในด้านอื่น ผมขอยกตัวอย่างหนึ่ง มีอาจารย์ที่เขาจะสอนนักศึกษาผ่าตัด เขาเห็นว่าเรามีความรู้ในการหล่อยางซิลิโคน เขาก็ให้เราช่วยเเนะนำการทำผิวหนังจำลอง ซึ่งความรู้ในการทำงานสามมิติที่ผมทำนั้น นอกจากจะเป็นสื่อในการสื่อสารเเล้ว ความรู้จากกระบวนการทำงานในการใช้วัสดุก็สามารถประยุกต์ใช้กับงานในด้านต่างๆ ได้หลากหลาย ซึ่งผมก็เคยคิดอยากจะทำงานร่วมกับคนที่ทำงานศาสตร์ต่างๆ ที่จะทำอวัยวะเทียมให้สัตว์ที่พิการครับ

 

ปัจจุบันในงานสายดนตรีของน้ำ มีพื้นที่ให้ศิลปินโชว์ผลงานมากมาย สามารถทำเพลงแล้วลงโซเชียลมีเดียได้เลย คิดว่าเวทีประกวดยังสำคัญอย่างไรสำหรับคุณ

น้ำ: เวทีประกวดจะดีกว่าตรงที่มีกรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงคอยให้คำชี้แนะว่าควรพัฒนาไปทางไหน ทำอย่างไรต่อดี อย่างเพลงที่คนทำกันแล้วบูมอยู่ในสื่อโซเชียล มันเป็น Popular Music เสียส่วนใหญ่ แต่เพลงที่น้ำแต่งจะเป็น Contemporary Music กลุ่มคนฟังก็จะไม่เหมือนกัน

 

ในมุมของน้ำรู้สึกว่ามันค่อนข้าง Academic มากกว่า เรื่องรายละเอียด วิธีฟังก็ไม่เหมือนกัน อย่าง Popular Music ก็เป็นภาษาหนึ่ง คนทั่วไปก็จะสามารถเข้าใจได้ฟังได้ง่าย แต่ถ้าเป็น Contemporary Music ก็ฟังง่ายเหมือนกัน แต่ว่าถ้ามีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดู ก็จะทำให้เรารู้ว่าเราจะปรับปรุงแก้ไขได้อย่างไรต่อ

 

ก่อนที่จะประสบความสำเร็จขนาดนี้ เคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกท้อแท้ และเคยคิดจะทิ้งความฝันนี้ไปบ้างหรือเปล่า

น้ำ: มีหลายช่วงเลยค่ะ ทั้งตอนที่สอบ Pre-College ม.4 คณะดุริยางค์ฯ มหาวิทยาลัยมหิดล ไม่ติด พอเข้ามาเรียน ป.ตรี เพลงที่อยากจะแต่งกับเพลงที่ต้องเรียนก็ไม่เหมือนที่เราคิด เพื่อนๆ ในห้องก็เก่งกันมากๆ เราก็ต้องพยายามตามให้ทัน เคยมีช่วงที่แต่งเพลงไม่ได้เลยก็มี จิตตก แต่ก็ต้องพยายามเขียนต่อไปเรื่อยๆ บางทีเครียดมากๆ ก็โทร.ไปร้องไห้กับแม่

 

Young Thai Artist Award

 

ไมค์: มีช่วงมัธยมครับ ที่ไม่ได้รับรางวัลระดับจังหวัด เราก็รู้สึกเสียใจไม่อยากทำอะไร ไม่อยากเรียนศิลปะแล้ว ช่วงนั้นเลยผันตัว ผมก็เริ่มเปลี่ยนไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียนเตรียมทหาร พยายามฝึกร่างกาย จนช่วงนั้นอาการหอบก็หายไปเลย

 

อะไรที่ทำให้มีไฟที่จะกลับมาเริ่มต้นสู้ใหม่อีกครั้ง

น้ำ: ก็คงเป็นตอนที่เข้ารอบ 6 คนสุดท้ายของรายการ Young Thai Artist Award ตอนนั้นรู้สึกว่า เราก็ทำได้นะ หลังจากที่ไม่เคยมั่นใจในงานของตัวเองเลย ถ้าถามว่าอะไรทำให้กลับมารู้สึกอยากทำงานในสายดนตรีต่อ อย่างแรกเลยก็คงจะเป็นครอบครัวค่ะ ที่คอยซัพพอร์ตตลอด เวลามีปัญหาเขาก็จะไม่ค่อยบอก เพราะกลัวเราจะเครียดตาม พอเรามารู้ทีหลังก็รู้สึกว่า เออ เขาทำเพื่อเราขนาดนี้ ถ้ายังไม่ตั้งใจ เราคงเป็นคนที่แย่มาก เพราะอย่างนั้นเวลาที่รู้สึกแย่ ก็จะคิดถึงครอบครัวเป็นอย่างแรกค่ะ ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง

 

ไมค์: แม่เลยครับ แม่ทำให้ผมกลับมาเรียนศิลปะ คือผมก็ไม่ใช่คนที่เรียนหนังสือเก่งนะ แต่แม่เป็นคนที่สังเกตว่าเราชอบอะไร ช่วงนั้นผมก็เถียงกับแม่ว่าผมอยากเรียนด้านทหารนี่แหละ แต่แม่เขาเป็นห่วงเรา และรู้ว่าเราชอบด้านศิลปะ เขาก็อยากให้เรียนศิลปะมากกว่า ผมก็เลยกลับมาเรียนศิลปะอีกที แต่ก็ไม่ได้จริงจัง มีโดดเรียนบ้าง

จนวันหนึ่งผมได้อ่านหนังสือของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ชื่อว่า ผมวาดชีวิตผม เราอ่านเราก็รู้สึกว่า อาชีพนี้ถ้าจะเป็นได้มันจะต้องจริงจังนะ ต้องทำงานหนักจริงๆ แล้วก็ทำให้คนยอมรับได้ มันต้องพยายามที่จะทำจริงๆ ถึงจะสำเร็จได้ พออ่านจบก็ทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจว่าอยากเป็นให้ได้เหมือนกับเขา อยากเก่งเท่าอาจารย์ ทำให้เราหันกลับมาตั้งใจเรียนใหม่ แล้วก็เริ่มกลับมาส่งงานประกวดใหม่อีกครั้งหนึ่ง

 

ในฐานะศิลปินรุ่นพี่ Young Thai Artist Award มีอะไรที่อยากฝากไปถึงรุ่นน้องที่กำลังมีความฝันอยากเดินทางในวงการศิลปะในตอนนี้บ้าง

น้ำ: ก็อยากเชิญชวนให้น้องๆ ที่สนใจในการแต่งเพลงส่งเพลงเข้าประกวดค่ะ เพราะว่านอกจากเราจะได้พัฒนาตัวเองแล้ว เราก็จะได้ฟังคอมเมนต์จากผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ว่าสิ่งที่เราเขียนออกมามันเป็นอย่างไร

 

อย่างเพลงที่น้ำเขียน น้ำกล้าเขียนมากเลย เขียนทุกอย่างที่น้ำคิดว่ามันเป็นไปได้ แล้วมันน่าจะดี เพราะน้ำมั่นใจว่า นักดนตรีที่มาเล่นรายการนี้เก่งทุกคน แล้วถ้าเข้ารอบ นอกจากเงินรางวัลที่เราจะได้แล้ว สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ประสบการณ์ในชีวิต ที่เราหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนอกจากที่เวที Young Thai Artist Award และถ้าชนะก็ได้ไปศึกษาดูงานต่อที่ต่างประเทศอีกด้วย

 

Young Thai Artist Award

 

ไมค์: ผมว่าเวที Young Thai Artist Award เป็นเวทีที่ดีมาก ผมประกวดมาก็หลายเวที แต่ว่าต้องยกให้เวทีนี้ดีที่สุดเลย เพราะทีมงานดูแลเราดีมาก คอยอำนวยความสะดวกต่างๆ และเรายังได้รับโอกาสไปทัศนศึกษาดูงานกับเพื่อนๆ และอาจารย์อีก 6 สาขา พอเราได้มาเจอกับคนต่างสาขา เราก็จะได้แชร์ความคิดและก็มุมมองของแต่ละคน

 

ผมว่างานประกวดของ Young Thai Artist Award มันคุ้มค่ามากที่เขาเปิดโอกาสให้พื้นที่กับผู้คนที่สนใจงานศิลปะทั้ง 6 สาขา มาแสดงความสามารถกัน อยากให้ทุกคนที่ชื่นชอบงานศิลปะมาสมัครกันเยอะๆ ครับ

 

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกวดโครงการ ‘รางวัลยุวศิลปินไทย 2562: Young Thai Artist Award 2019’ ได้ทาง www.facebook.com/YoungThaiArtistAward

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

FYI

  • Young Thai Artist Award หรือโครงการรางวัลยุวศิลปินไทย จัดขึ้นโดยมูลนิธิเอสซีจี (SCG FOUNDATION) เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18-25 ปี ได้มีพื้นที่ในการแสดงความสามารถทางด้านศิลปะของตนเอง โดยจัดการประกวดผลงานศิลปะทั้งหมด 6 สาขาด้วยกัน ได้แก่ ศิลปะ 2 มิติ ศิลปะ 3 มิติ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วรรณกรรม และการประพันธ์ดนตรี
  • ชิงรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมรางวัลเงินสด และทัศนศึกษาสร้างแรงบันดาลใจและชมผลงานศิลปะในต่างประเทศ
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising