ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ตรวจสอบการเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของหลายพรรคการเมือง ซึ่งเมื่อตรวจสอบยืนยันกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยตรวจสอบหนังสือบริคณห์สนธิ ทะเบียนผู้ถือหุ้น รวมถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้วพบว่า มี ส.ส. ของหลายพรรคการเมือง อาทิ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. พปชร. จ.ราชบุรี เขต 3 และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ฯลฯ จำนวนหนึ่ง มีรายชื่อเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม ม.98 (3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ ม.42 (3) แห่ง พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯ จำต้องทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานสำหรับนักการเมืองที่จะเข้ามาสู่สภาฯ ต้องไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย และอยู่ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต สมาคมฯ จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และ ส.ส. ของหลายพรรคการเมืองไปยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อไต่สวน สอบสวน ให้เป็นข้อยุติและเป็นบรรทัดฐาน และเพื่อส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ออกจากตำแหน่ง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พร้อมลงโทษตาม ม.151 ของ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี” ด้วย
โดยสมาคมฯ จะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย. 2562 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์