คณะผู้แทนเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และจีนพยายามหารือข้อสรุปเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แต่มีโอกาสสูงที่สองฝ่ายจะตกลงกันไม่ได้ ขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมบังคับใช้มาตรการภาษีใหม่กับจีนในวันนี้ (10 พ.ค.) ซึ่งจะส่งผลให้สินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐต้องเสียภาษีศุลกากรที่อัตราใหม่ 25% จากเดิม 10%
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า โรเบิร์ต ไลต์ทิเซอร์ ผู้แทนการค้าระดับสูงของสหรัฐฯ และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้หารือกับคณะผู้แทนจากจีนนำโดยหลิวเหอ รองนายกรัฐมตรี เป็นเวลา 90 นาที เมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) แต่การประชุมยังไม่ได้ข้อสรุป และคาดว่าสองฝ่ายจะหารือกันต่อในวันนี้
หลิวเหอให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนหลังเดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลเสียอย่างมากต่อทั้งสองฝ่าย
“เรามาที่นี่ในเวลานี้ท่ามกลางแรงกดดัน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของฝ่ายจีน และเจตนารมณ์ของจีนที่ต้องการจะคลี่คลายปัญหาขัดแย้งด้วยความจริงใจ มั่นใจ และมีเหตุผล ผมคิดว่ายังมีหวัง” หลิวเหอกล่าว
ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่า จีนและสหรัฐฯ เกือบที่จะบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายกันแล้ว แต่จีนเป็นฝ่ายขอเจรจาใหม่ ซึ่งสหรัฐฯ รับไม่ได้
อย่างไรก็ตามยังพอมีสัญญาณบวกมาจากฝั่งสหรัฐฯ บ้าง เมื่อทรัมป์เผยว่า เขาได้รับจดหมายที่ดีจากประธานาธิบดีสีจิ้นผิง พร้อมแย้มว่าเขาจะพูดคุยกับผู้นำจีนในเร็วๆ นี้
ผลจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นได้สร้างความวิตกในตลาดหุ้นและตลาดเงินทั่วโลก โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงถึง 138.97 จุดในการซื้อขายเมื่อวานนี้
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกเป็นภัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม
“อย่างที่เราเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทุกฝ่ายจะพ่ายแพ้ในปัญหาความขัดแย้งทางการค้าที่ยืดเยื้อ” IMF ระบุในแถลงการณ์ พร้อมเรียกร้องให้สองฝ่ายเร่งหาทางออกโดยเร็ว เพื่อให้ตลาดเงินทั่วโลกมีเสถียรภาพ
ภาพ: Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: