Red Bull Music 3Style World DJ Championships เวทีแข่งขันที่เปรียบได้ดั่งโอลิมปิกของเหล่าดีเจ

เสียงดนตรีบีตสนุกๆ เทคนิคอันแพรวพราวของดีเจมากฝีมือ ทำให้บรรยากาศในงานปาร์ตี้ครื้นเครงเถิดเทิง หรือกร่อยลงสนิทได้ขนัด ถ้าดีเจทำหน้าที่กุมบังเหียนนั้นสักแต่ว่าเปิด ไม่รู้จักการควบคุมบีตและมิกซ์เพลงโดยไร้ความต่อเนื่องของโน้ตดนตรี หลายคนคิดว่าการเป็นดีเจนั้นง่าย แค่มี Mixer Board ดีๆ สักตัวกับเพลย์ลิสต์บนเทรนด์ตลาดก็ทำหน้าที่ดีเจได้แล้ว แต่ใครที่ติดตามเพลงสไตล์นี้จะรู้ดีว่า ศาสตร์ของการมิกซ์เพลงนั้นคืออีกโลกสนุกๆ หนึ่งแห่งของคนรักเสียงเพลง

เมื่อช่วงปลายมกราคมที่ผ่านมา ทีมงาน THE STANDARD ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน Red Bull Music 3Style World DJ Championships IX ณ กรุงไทเป ไต้หวัน งานมหกรรมดวลบีตและเวทีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางดนตรีระดับโลก ที่เปรียบได้กับโอลิมปิกของโลกดีเจ มีการคัดตัวแทนดีเจต่างๆ ทั่วโลก แล้วนำผู้ชนะแต่ละชาติมาแข่งชิงความเป็นที่ 1 ภายใต้โจทย์ #PlayWithMusic เหล่าดีเจต้องงัดทุกสกิลความสามารถ โชว์ทักษะการดวลบีตเพลงอย่างน้อย 3 สไตล์เป็นเวลา 15 นาที มีข้อแม้ว่าคนต้องสนุก ไม่เบื่อ ดีเจต้องคุมเวทีได้ และปล่อยหมัดฮุคตรึงใจคณะกรรมการ ซึ่งเป็นดีเจระดับตำนานได้ไปพร้อมๆ กัน

ในการแข่งครั้งนี้ DJ J. Espinosa ตัวแทนจากสหรัฐอเมริกาคว้าชัยได้สำเร็จ ท่ามกลางความโอ่อ่าของลานหน้าอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็กที่จุคนได้หลายพันคน

Red Bull Music 3Style จากผับสู่เวทีระดับโลก

แต่กว่าจะกลายเป็นงานแข่งขันที่สนุกสุดเหวี่ยง มีดีเจเข้าร่วมแข่งขันจากทุกมุมโลก Red Bull Music 3Style เริ่มต้นจากงานแข่งขันดีเจเล็กๆ ณ Vancouver Atlantis Club ประเทศแคนาดา ในปี 2007 ที่มีผู้ร่วมงานเพียงไม่กี่ร้อยคน ด้วยความเชื่อที่ว่า กระแสดิจิทัลดีเจคือการเปิดกว้างทางดนตรีอีกแขนงหนึ่ง ในครานั้นมีดีเจท้องถิ่นเข้าร่วมงานมากมาย อาทิ Rico Uno, Flipout, Friction, Marvel และผู้ชนะการแข่งขันอย่าง ดีเจ Mat The Alien

เมื่อการแข่งครั้งแรกประสบความสำเร็จ Red Bull ก็สานต่อโปรเจกต์ด้วยการจัดทัวร์ไปยังเมืองต่างๆ ของแคนาดา และกลับมาจัดเวทีใหญ่ระดับชาติ ณ เมืองโทรอนโต ในปี 2009 โดยนำผู้ชนะแต่ละภูมิภาคมาแข่งหาความเป็นหนึ่ง พัฒนาต่อยอดเรื่อยมาจากเวทีเล็กคนดูหลักร้อยต้น Red Bull Music 3Style ก็กลายเป็นงานแข่งเวทีที่ใหญ่ที่สุดในโลกดีเจ ในเวลาเพียง 10 ปี

DJ Nutty ตัวแทนไทยบนเวทีโลก

สำหรับการแข่งขัน Red Bull Music 3Style World DJ Championships IX แบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 วัน มีดีเจผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 21 คนจากทุกมุมโลก หนึ่งในนั้นคือ DJ Nutty ณัฏฐ์ธเดช วัฒนโรจน์กุลเดช ตัวแทนจากประเทศไทย ผู้ชนะในงานประกวด Red Bull Music 3Style Thailand 2018

แม้ DJ Nutty จะพลาดแชมป์การแข่งขัน Red Bull Music 3Style World DJ Championships IX ในปีนี้ แต่ด้วยอัธยาศัยดี มีเอกลักษณ์ และแนวเพลงที่สดใสเข้าถึงง่าย หลังโชว์สกิลสุดเดือดรอบ Qualifier เขาสามารถครองใจเพื่อนดีเจและผู้ที่เข้าร่วมชมการแข่งขันได้มาก ด้วยยอดผู้ติดตามผ่านทางอินสตาแกรมและทวิตเตอร์ส่วนตัวมากขึ้นหลายพันคน

Q: เตรียมตัวอย่างไรบ้างสำหรับเวทีที่ไทเป

DJ Nutty: หลังจากจบงานแข่งที่ประเทศไทย ผมใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เต็มในการปรับเซตเพลงทั้งหมด ทุกคนมักบอกว่าการไปแข่งครั้งนี้เราต้องแสดงความเป็นชาติตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด แต่ผมกลับคิดว่าเราไปแข่งที่ไทเป ทำไมเราไม่เล่นเพลงไต้หวันล่ะ เล่นเพลงที่เขาเข้าถึงเราได้ง่าย หาจุดเชื่อมต่อของวัฒนธรรม แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องเป็นตัวแทนประเทศ แสดงความเป็นไทยของเราออกมา

Q: คิดว่าจุดเด่นของเราคืออะไร

DJ Nutty: ยืดหยุ่น มีความร่วมสมัย ผมชอบความเป็นเอเชียนะ มีบีตสนุกๆ ให้เต้น ให้โยก หรรษา สมมติว่าเราชอบเพลงเพลงหนึ่ง เนื้อเพลงเพราะมาก แต่เราไม่ชอบบีต สิ่งที่ผมทำคือเปลี่ยนบีตซะ ชอบบีตแต่ไม่ชอบเนื้อ ใส่เพลงอื่นลงไปซะ ทุกครั้งที่ผมจะทำการแสดง ผมจะคิดเสมอว่าถ้าอยากให้คนดูเราสนุก เราต้องใส่ความเป็นตัวเราไป 50 เปอร์เซ็นต์ และความเป็นคนชอบถิ่นนั้นอีก 50 นั่นแหละคือสไตล์ผม

Q: ได้อะไรบ้างจากการประกวดครั้งนี้

DJ Nutty: Red Bull Music 3Style World DJ Championships IX เป็นเหมือนงานโอลิมปิกของวงการดีเจ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นใหญ่มากที่ไต้หวัน เราได้พบเพื่อนที่เป็นคอดนตรีเหมือนกันมากกว่า 21 ประเทศ ก่อนที่จะเดินทางมาแข่งขันรู้สึกกดดันมาก แต่พอได้เข้ามาสัมผัส บอกได้เลยว่าแต่ละคนไม่ได้เข้ามาเพื่อฟาดฟันช่วงชิงแชมป์เพียงอย่างเดียว แต่มาเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เราได้เพื่อนใหม่จากทั่วทุกมุมโลก ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม แต่มีใจรักเสียงดนตรีเหมือนกัน เราได้ประสบการณ์ที่หาจากที่อื่นไม่ได้

สำหรับปีนี้ผมรู้สึกไม่เสียดายที่พลาดการเป็นแชมป์ เพราะทำสิ่งที่รักอย่างเต็มที่แล้ว ในระหว่างแข่งขันผู้ชมมีความสนุกไปกับดนตรี บีตเพลงที่เราสร้างสรรค์ขึ้น นั่นคือความภูมิใจสูงสุด เวทีนี้เป็นเวทีแจ้งเกิดของผมก็ว่าได้ มีคนติดตามผมหลังการแข่งขันจำนวนมาก มีคนชอบเพลง ชอบสไตล์ที่เป็นตัวเองของเราก็พอใจแล้ว การแข่งขันในปีหน้าหากมีโอกาสผมคงมาร่วมงานอีก แต่อาจจะมาในฐานะครูหรือรุ่นพี่ ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ดีเจไทยเข้ามาร่วมแข่งขันในเวทีนี้ เพราะมันได้อะไรมากกว่าที่คิด ประสบการณ์และมิตรภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด