วันที่ 25 มีนาคม สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ออกมายืนยันต่อสื่อแล้วว่า ยอดทีมจากกรุงลอนดอน เชลซี ได้ยื่นอุทธรณ์โทษต่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า เพื่อให้ช่วยตีความและระงับการลงโทษ ห้ามซื้อนักเตะในช่วงเปิดตลาดทั้ง 2 รอบ จากองค์กรลูกหนังโลก ในกรณีฝ่าฝืนกฎการเซ็นนักเตะที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยฟีฟ่าได้เลือกวันที่ 11 เมษายนนี้ เป็นวันกำหนดฟังคำพิพากษาของคดีดังกล่าว
จากกรณีดังกล่าวที่นอกจากจะส่งผลให้เชลซีถูกระงับการซื้อขายนักเตะทั้ง 2 ช่วง (ตลาดซัมเมอร์ 2019 และตลาดหน้าหนาว 2020) ยังทำให้เชลซีต้องถูกปรับเงิน 600,000 ฟรังก์สวิส (ประมาณ 18.8 ล้านบาท) จากองค์กรลูกหนังโลก และ 510,000 ฟรังก์สวิส (ราวๆ 16.04 ล้านบาท) จากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ จากกรณีที่มีการละเมิดกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการย้ายนักเตะระหว่างประเทศ และการลงทะเบียนผู้เล่นที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มากกว่า 29 ราย
โดยจากคดีที่เชลซีถูกกล่าวหาและกำลังถูกพิจารณาโทษแบนอยู่นั้น ได้ส่งผลให้ทีมเชลซีดำเนินการแจ้งไปยังนักเตะทุกคนของทีม เพื่อให้อยู่กับทีมต่อไปอย่างน้อยอีก 1 ฤดูกาล หากทีมไม่สามารถผ่านโทษอุทธรณ์ได้จริงๆ
ขณะเดียวกัน กองหลังทีมสิงโตน้ำเงินครามอย่าง อันเดรียส คริสเตนเซ่น ที่ดูจะไม่ค่อยแฮปปี้ภายใต้การนำทีมของ เมาริซิโอ ซาร์รี หลังจากถูกดรอปเป็นสำรองเกือบตลอดฤดูกาลนี้ ได้ออกมาบอกว่า เชลซีต้องการให้นักเตะอยู่กับทีมต่อไป และจะไม่รับฟังข้อเสนอเรื่องย้ายทีมจากผู้เล่นเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เนื่องจากทีมสุ่มเสี่ยงต่อการถูกแบน
“ข้อความที่เราได้รับมาคือ เชลซีไม่สามารถอุทธรณ์คดีได้ และทีมมีความต้องการให้ผู้เล่นทุกคนอยู่กับทีมต่อไป สถานการณ์แบบนี้เป็นอะไรที่ยากจะยอมรับได้” อันเดรียส คริสเตนเซ่น ให้สัมภาษณ์กับ Ekstra Bladet สื่อบ้านเกิดจากเดนมาร์ก
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า หากฝ่ายเชลซีล้มเหลวในการอุทธรณ์โทษแบนจากฟีฟ่าครั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปที่จะทำคือ การดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: