×

Clean Beauty คืออะไร และทำไมเทรนด์นี้อาจเปลี่ยนแปลงโลกของความงามไปอย่างสิ้นเชิง

01.02.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • Clean Beauty คือผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตามที่ส่วนผสมและส่วนประกอบต่างๆ ต้องมีความโปร่งใส สามารถเห็นชื่อส่วนผสมได้บนฉลากผลิตภัณฑ์ ความแตกต่างระหว่าง Natural Beauty กับ Clean Beauty อยู่ที่ผลิตภัณฑ์ Clean Beauty ต้องไม่มีสารพิษเป็นส่วนประกอบอยู่เลย
  • แนะนำ 5 แบรนด์ที่น่าสนใจและโดดเด่นตรงคอนเซปต์ความเป็น Clean Beauty ที่บอกต่อโดย ฌอง กอดเฟรย์-จูน Beauty Director ของแบรนด์ Goop

เราอาจเคยรู้จักคำว่า Green Beauty, Pure Beauty, Natural Beauty รวมถึง Organic Beauty กันมาบ้างแล้ว แต่เชื่อว่า Clean Beauty ยังเป็นอะไรที่แปลกใหม่และไม่เคยได้ยินมาก่อนสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ ว่าแต่อะไรคือเทรนด์ Clean Beauty กันล่ะ แล้ว Clean Beauty กับ Organic Beauty ต่างกันอย่างไร

 

เราจำเป็นต้องสนใจเทรนด์นี้หรือไม่ THE STANDARD จะพาทุกคนไปรู้จักเทรนด์นี้พร้อมๆ กัน เพราะในอนาคตอันใกล้นี้ สุขภาพและความงามของเรากับคำว่า Clean Beauty อาจใกล้ชิดจนแยกไม่ออก และเทรนด์นี้อาจเปลี่ยนแปลงโลกความงามไปตลอดกาลก็เป็นได้

 

ก่อนหน้านี้ผู้เขียนได้ยินคำว่า Clean Beauty ครั้งแรกจาก วรวิทย์ ศิริพากย์ ซีอีโอผู้ก่อตั้งแบรนด์ปัญญ์ปุริ ที่ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD เกี่ยวกับประเด็น เวลเนสแบรนด์ไทยชวนคนเมืองรู้จักเทรนด์ Clean Beauty และการสร้างสุขภาพดีแบบองค์รวม ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่า Clean Beauty มีความพิเศษกว่าความเป็นออร์แกนิก และ Clean Beauty ก็เป็นเป้าหมายล่าสุดที่เขาตั้งใจจะนำพาแบรนด์ให้ก้าวไปสู่การผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์ Clean Beauty ในประเทศไทยให้ได้

 

Clean Beauty ผมว่าเป็นคอนเซปต์ที่ใหม่มากสำหรับคนไทย แต่เมืองนอกมาแล้ว หลายคนเคยได้ยินคำว่า Clean Food กันใช่ไหมครับ ซึ่ง Clean Food ก็เป็นอาหารที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี ส่วนผสมต่างๆ ต้องไม่มีสารพิษ ซึ่ง Clean Beauty ก็เหมือนกันเลย มันคือการที่เราไม่ใส่ส่วนผสมที่มาจากสารเคมี ต้องไม่มีสารพิษ หรือว่าส่วนผสมที่เป็นอันตราย ระคายเคืองต่อผิวพรรณ ส่วนผสมที่นำมาใช้ก็ต้องมีประโยชน์จริงๆ และใส่เท่าที่จำเป็น ซึ่งมันจะมากกว่าเรื่องของ Natural Organic ไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะคำว่า Natural Organic มันก็อาจจะยังมีสารอื่นๆ เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย แต่ตอนนี้คำว่า Clean Beauty มันไปไกลกว่านั้น นอกจากจะพิถีพิถันในการเลือกสิ่งที่ดีมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์แล้ว สิ่งใดที่ไม่ดีก็ต้องเอาออกไปด้วย”

 

จากคำอธิบายของซีอีโอผู้ก่อตั้งแบรนด์ปัญญ์ปุริ เราก็พบว่าเป็นความหมายที่ตรงกันกับ ฌอง กอดเฟรย์-จูน Beauty Director แห่ง Goop (บริษัทของกวินเน็ธ พัลโทรว์) ซึ่งเป็นแบรนด์ทางเลือกเพื่อสุขภาพและความงาม (รวมถึงไลฟ์สไตล์) ที่กำลังมาแรงที่สุดบริษัทหนึ่ง

 

“ความหมายของ Clean Beauty คือในผลิตภัณฑ์ใดๆ ก็ตาม ส่วนผสมและส่วนประกอบต่างๆ ต้องมีความโปร่งใส สามารถเห็นชื่อส่วนผสมได้บนฉลากผลิตภัณฑ์ ความแตกต่างระหว่าง Natural Beauty กับ Clean Beauty อยู่ที่ผลิตภัณฑ์ Clean Beauty จะต้องไม่มีสารพิษเป็นส่วนประกอบอยู่เลย ผลิตภัณฑ์ Clean Beauty จึงสะอาดและดีต่อสุขภาพมากกว่า การที่เราให้ความสำคัญกับ Clean Beauty ก็เพราะเราตระหนักว่าสารพิษบางอย่างที่เป็นส่วนผสมอยู่ในเครื่องสำอางรวมถึงสกินแคร์ล้วนมีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ สารพิษบางอย่างส่งผลต่อการหยุดชะงักของฮอร์โมน สารพิษบางอย่างสามารถสะสมในร่างกาย ทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือเป็นมะเร็งได้”

 

เมื่อรู้ชัดแล้วว่า Clean Beauty คือผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารพิษเป็นส่วนผสมอยู่เลยแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว จึงเข้าใจได้ว่า Clean Beauty คือผลิตภัณฑ์ที่สะอาดที่สุด ปลอดภัยต่อสุขภาพและความงามของผู้บริโภคมากกว่าผลิตภัณฑ์ Natural Organic ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าแล้วสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามท้องตลาดที่แปะชื่อว่าเป็นออร์แกนิกเพื่อสร้างจุดขายก็ไม่ได้ปลอดจากสารพิษน่ะสิ ซึ่งฌองให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ขณะให้สัมภาษณ์กับ Glamour ว่า

 

“น่าเสียดายที่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ไม่มีการควบคุมได้อย่างจริงจัง แล้วก็ไม่มีคำจำกัดความทางกฎหมายที่ชัดเจน หน่วยงานของรัฐบาลไม่มีการลงมาตรวจสอบ คนทั่วไปก็เลยไม่รู้ว่าโลกนี้มีการทำการตลาดและอ้างว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ เป็นธรรมชาติ หรือเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ทั้งที่ความจริงแล้วอาจมีเพียง 1% ของผลิตภัณฑ์เท่านั้นที่มาจากส่วนผสมที่เป็นอินทรีย์หรือเป็นออร์แกนิกจริงๆ จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะตกใจมากหากรู้ว่าผลิตภัณฑ์แบรนด์โปรดของพวกเขาที่เคยเข้าใจว่ามาจากธรรมชาติ แท้จริงแล้วยังมีส่วนผสมที่เป็นสารพิษเป็นส่วนประกอบอยู่”

 

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากรู้ว่าแล้วสารพิษที่ไม่ควรอยู่ในเครื่องสำอางมีอะไรบ้าง ถ้าในประเทศไทยจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายจากสารต้องห้ามในเครื่องสำอาง โดยคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่าส่วนใหญ่มักเป็นสารที่พบได้บ่อยในผลิตภัณฑ์ยอดฮิตอย่างผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องผิวขาวเนียนใส ซึ่งสารต้องห้ามที่เป็นอันตราย เช่น สารปรอท สารไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ และกรดเรติโนอิก (ในส่วนของสารไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ และเรตินอยด์นั้น จัดเป็นยาที่มีประโยชน์ในการรักษา สามารถใช้ได้ภายใต้การดูแลควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น สารทั้ง 3 ชนิดนี้ห้ามนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศ)

 

นอกจากนี้ยังมี สารตะกั่ว ที่พบมากในลิปสติก หากใครใช้ลิปสติกที่มีสารตะกั่วผสมอยู่ น่ากลัวตรงที่มันเป็นสารที่ซึมเข้าสู่ร่างกายของเราได้ ผลของมันคือก่อให้เกิดอาการปวดท้องบิด ท้องเสีย มีอาการอ่อนแรง เพราะเม็ดเลือดแดงถูกทำลายเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบประสาททั่วร่างกาย สารมิเนอรัล ทัลค์ มักพบในแป้งฝุ่นหรืออายแชโดว์ รวมถึงในแป้งเด็ก ผลเสียคืออาจทำให้เกิดโรคปอด มะเร็งปอด มะเร็งต่อมหมวกไตชนิดหายาก มีผลวิจัยระบุว่าการได้รับสารมิเนอรัล ทัลค์ ในปริมาณมากจะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งรังไข่ 30-60% ของผู้หญิงที่ใช้แป้งฝุ่นทาตัวเป็นประจำทุกวัน  

 

สารโซเดียมซัลเฟต พบในยาสระผม ยาสีฟัน และสบู่ เป็นสารที่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ 5-6 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดอาการแพ้ ผิวหนังบางลง เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างคาดไม่ถึง ส่วนใครที่ชอบเซตผมด้วยผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมก็ควรระวังสารประเภท PVP (Poly Vinyl Pyrrolidone) ซึ่งช่วยทำให้ผมแข็งตัว จัดทรงได้ง่าย แต่ถ้าสูดดมเข้าไปบ่อยๆ จะส่งผลให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ผมร่วง เกิดอาการแพ้และอักเสบได้ง่าย และที่เราคุ้นชื่อดีคือ สารพาราเบน (หรือสารกันเสีย) เป็นสารอันตรายที่พบเยอะสุดในบรรดาสกินแคร์และเครื่องสำอาง เป็นสารที่ซึมเข้ากระแสเลือดได้เร็ว ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ เช่น เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง


แม้สารพิษจะยังมีอีกจำนวนมาก แต่ตัวอย่างเหล่านี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าผลเสียที่มีต่อร่างกายนั้นรุนแรงและน่ากลัวจนมองข้ามไม่ได้ การอ่านฉลากก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถช่วยได้ระดับหนึ่ง


เมื่อจะซื้ออะไร อยากให้พิจารณาจากแบรนด์ที่ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ควรซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารพาราเบน โซเดียมซัลเฟต สาร PVP เป็นต้น และส่วนผสมที่อยู่ในผลิตภัณฑ์กันแดดก็ควรจะมีเฉพาะไทเทเนียมไดออกไซด์ หรือซิงก์ออกไซด์เท่านั้น เพราะผลิตภัณฑ์กันแดดบางตัวมีสารออกซีเบนโซนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งถือเป็นสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหยุดชะงักของฮอร์โมนได้เช่นกัน

 

ในประเทศไทยแม้จะยังใหม่กับเรื่อง Clean Beauty กันอยู่ แต่ในอนาคตเชื่อว่าความตื่นตัวในการรักษาสุขภาพแบบองค์รวมจะขยายวงกว้างมากขึ้น เพราะปัญหาผิวและสถานการณ์ใหม่ๆ มักเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครคาดคิด ตัวอย่างเช่น สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ที่สร้างปัญหามากมายในชีวิตประจำวันของคนกรุงเทพฯ ทำให้คนรู้จักการป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัยกันฝุ่น แบรนด์ต่างๆ ก็เริ่มมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยปกป้องมลพิษออกมามากขึ้น เป็นวิธีรับมือแบบรอบด้านที่แม้แต่ตัวเราเองเมื่อ 2-3 ปีก่อนก็ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งจะรู้จักคำว่า PM2.5

 

เช่นกับวันนี้ เราก็นึกไม่ออกหรอกว่า Clean Beauty จะเป็นกระแสหรือเทรนด์ใหม่ที่เปลี่ยนแปลงโลกความงามไปจากเดิมหรือไม่ แต่ที่เรามั่นใจคือคงไม่มีใครอยากสัมผัสกับสารพิษในเครื่องสำอางที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวอย่างแน่นอน และการเล็งเห็นความสำคัญของการอ่านส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็ไม่ควรถูกมองข้าม ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะใส่ใจกับวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์มากขึ้นนี่เองที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมความงามหันมาตระหนักถึงภัยของสารพิษต่างๆ จนอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลดีต่อสุขภาพและความงามของผู้บริโภคนับจากนี้ไป

 

ต่อไปนี้คือรายชื่อแบรนด์ที่น่าสนใจและโดดเด่นตรงคอนเซปต์ความเป็น Clean Beauty ซึ่งแนะนำโดย ฌอง กอดเฟรย์-จูน  

 

 

1. Goop by Juice Beauty ไม่มีส่วนผสมของสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

 

 

2. Hopscotch แบรนด์สกินแคร์สายวีแกนที่มาจากธรรมชาติเป็นหลัก

 

 

3. Herbivore แบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่างๆ ทุกส่วนผสมให้ความสำคัญกับคุณภาพที่ต้องสูงและเป็นออร์แกนิกบริสุทธิ์

 

 

4. Tammy Fender แบรนด์ที่ก่อตั้งมานานกว่า 25 ปี เป็นผู้บุกเบิกเทรนด์การดูแลผิวแบบธรรมชาติและการใช้ชีวิตแบบองค์รวม เชื่อมโยงธรรมชาติและสุขภาพเข้าด้วยกัน

 

 

5. True Botanicals แบรนด์ความงามที่มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากสูตรที่ปลอดสารพิษ เป็นแบรนด์ที่ทำงานร่วมกับนักวิจัยในมหาวิทยาลัยชื่อดังทั้งมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน และมหาวิทยาลัยคอร์เนล  

 

ภาพประกอบ: Dreaminem

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising