×

จากรถยนต์ไฟฟ้าสู่ ‘ขยะ’ จีนรุกตลาดกำจัดขยะโลก ตั้งโรงไฟฟ้า 101 แห่ง หนีวิกฤต ‘ขาดแคลนขยะ’ ในบ้านเกิดที่โรงงานล้นตลาด

30.12.2025
  • LOADING...
จากรถยนต์ไฟฟ้าสู่ ‘ขยะ’ จีนรุกตลาดกำจัดขยะโลก ตั้งโรงไฟฟ้า 101 แห่ง หนีวิกฤต ‘ขาดแคลนขยะ’ ในบ้านเกิดที่โรงงานล้นตลาด

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาคธุรกิจของจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับโลกในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงแผงโซลาร์เซลล์ แต่ในขณะนี้ แดนมังกรกำลังรุกคืบเข้ายึดหัวหาดในอีกสมรภูมิหนึ่งอย่างรวดเร็ว นั่นคือ ‘อุตสาหกรรมการกำจัดขยะ’

 

สาเหตุสำคัญของการเคลื่อนทัพครั้งนี้ เกิดจากสภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศจีน ส่งผลให้โรงงานเผาขยะในประเทศต้องเผชิญกับปัญหา ‘ขาดแคลนขยะ’ ที่จะนำมาเผาเพื่อผลิตพลังงาน สถานการณ์ดังกล่าวบีบให้บริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าจากขยะ (Waste-to-energy) ต้องหันมามองหาโอกาสการเติบโตในต่างแดน และพวกเขาก็ทำได้อย่างรวดเร็ว

 

ข้อมูลจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนระบุว่า เมื่อ 6 เดือนก่อน บริษัทจีนมีส่วนร่วมในโครงการเผาขยะในต่างประเทศจำนวน 79 โครงการ ครอบคลุมทั้งเอเชีย, ยุโรป, แอฟริกา และอเมริกา แต่เมื่อถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ตัวเลขดังกล่าวได้พุ่งทะยานขึ้นเป็น 101 โครงการ

 

กัว หยุนเกา (Guo Yungao) เลขาธิการคณะกรรมการพลังงานและสิ่งแวดล้อมแห่งสมาพันธ์สิ่งแวดล้อมจีน (All-China Environment Federation) ชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการนี้ว่า อุตสาหกรรมพลังงานจากขยะของจีนกำลังก้าวกระโดด “จากการส่งออกเพียงแค่เทคโนโลยี ไปสู่การส่งมอบแพ็กเกจที่ครบวงจรทั้งเทคโนโลยี มาตรฐาน การบริหารจัดการ และเงินทุน”

 

โดยปกติแล้ว บริษัทผลิตไฟฟ้าจากขยะจะเปลี่ยนขยะมูลฝอยจากชุมชนให้เป็นกระแสไฟฟ้าผ่านกระบวนการเผาไหม้ด้วยอุณหภูมิสูง โดยรายได้หลักมาจากค่าธรรมเนียมที่รัฐบาลท้องถิ่นจ่ายให้ และจากการขายไฟฟ้าที่ผลิตได้

 

ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 2000 และ 2010 จีนได้สร้างเตาเผาขยะจำนวนมหาศาลเพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทำให้ปริมาณขยะพุ่งสูงขึ้น จนทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีกำลังการเผาขยะมากที่สุดในโลก

 

แต่ภาพความรุ่งโรจน์ในอดีตกลับกลายเป็นปัญหาในปัจจุบัน อุตสาหกรรมนี้กำลังทนทุกข์จากการขาดแคลนขยะที่สามารถเผาได้เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการขยายตัวของเมืองที่ลดความร้อนแรงลง

 

ตู้ ฮวนเจิง (Du Huanzheng) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยถงจี้ (Tongji University) ในเซี่ยงไฮ้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน มองว่าสถานการณ์นี้ผลักดันให้บริษัทต่างๆ ต้องกระโจนเข้าสู่กระแสการออกสู่ตลาดโลก (Going Global) ของจีน

 

“นี่เป็นทางออกที่ดีสำหรับวิสาหกิจเผาขยะเช่นกัน” ตู้กล่าว พร้อมเสริมว่า “มีความต้องการสูงเป็นพิเศษจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศอย่างเวียดนามและไทยกำลังเผชิญกับสิ่งที่จีนเคยเจอเมื่อ 20 ปีก่อน นั่นคือหลังจากเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ปริมาณขยะก็ระเบิดตัวขึ้น และพวกเขายังไม่มีวิธีจัดการที่มีประสิทธิภาพ”

 

ศาสตราจารย์ตู้ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ในอดีตจีนเคยต้องนำเข้าเทคโนโลยีการกำจัดขยะจากยุโรป แต่ปัจจุบันจีนได้กลายมาเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีเหล่านี้ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง โดยเฉพาะกับประเทศในเอเชียด้วยกัน

 

เพราะนอกจากโซลูชันของจีนจะมีราคาถูกกว่าของชาติตะวันตกแล้ว มันยังเหมาะสมกว่าในการจัดการขยะที่ ‘เกิดจากวัฒนธรรมการกินแบบตะวันออก’ (Eastern dietary structure) เนื่องจากจีนได้นำเทคโนโลยีที่นำเข้ามาในอดีตมาปรับปรุงและพัฒนาต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ

 

ความก้าวหน้านี้เห็นได้ชัดจากโครงการประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะ 7 แห่งในอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลอินโดนีเซีย (Danantara Indonesia) เปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า ในจำนวนผู้ยื่นซองประมูล 24 รายที่ผ่านการคัดเลือก มีถึง 20 รายที่เป็นบริษัทจีน โดยโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 91 ล้านล้านรูเปียห์

 

Soochow Securities บริษัทหลักทรัพย์ของจีนระบุในบทวิเคราะห์ว่า “กระบวนการประมูลนี้มอบโอกาสทางการตลาดที่มหาศาลให้กับห่วงโซ่อุตสาหกรรมขยะมูลฝอยที่เติบโตเต็มที่แล้วของจีน ซึ่งก้าวไปถึงระดับสูงทั้งในด้านเทคโนโลยี อุปกรณ์ และประสบการณ์การดำเนินงาน ให้สามารถ ‘ออกสู่ตลาดโลก’ ได้”

 

อย่างไรก็ตาม การบุกตลาดต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ศาสตราจารย์ตู้เตือนว่าบริษัทจีนต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับแต่งเทคโนโลยีให้เข้ากับองค์ประกอบของขยะในท้องถิ่นที่แตกต่างกัน รวมถึงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบายเงินอุดหนุนที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ชี้ชะตาได้เลยว่าโครงการจะทำกำไรหรือขาดทุน

 

กรณีศึกษาที่น่าสนใจคือโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ Reppie ในกรุงแอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งพัฒนาโดยกลุ่มบริษัทนานาชาติที่มี China National Electric Engineering Company รวมอยู่ด้วย มีรายงานว่าโครงการนี้ล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

 

แม้จะเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2018 และถูกออกแบบให้กำจัดขยะได้ 1,400 ตันต่อวัน แต่ในความเป็นจริงกลับทำได้เพียง 650 ตัน ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่เข้ากันระหว่างเทคโนโลยีการเผา กับขยะในแอฟริกาที่มีความชื้นสูงและเป็นอินทรียวัตถุ

 

ในขณะที่พยายามเติบโตในต่างแดน บริษัทขยะของจีนก็ยังต้องดิ้นรนอย่างหนักในบ้านเกิด “หากทำสำเร็จ การที่บริษัทสิ่งแวดล้อมของจีน ‘ออกสู่ตลาดโลก’ อาจช่วยเพิ่มผลกำไรได้จริง แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาโรงงานขยะที่สร้างเกินความจำเป็นในประเทศได้ เพราะเงินลงทุนทั้งหมดได้จมไปกับสิ่งปลูกสร้างถาวรที่ไม่สามารถโยกย้ายไปไหนได้แล้ว” ตู้กล่าวทิ้งท้าย

 

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยอมรับว่า อัตราการใช้ประโยชน์เฉลี่ยของเตาเผาขยะในจีนอยู่ที่เพียงประมาณ 60% เท่านั้น ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือโรงงานแห่งหนึ่งในเมืองเว่ยหนาน มณฑลส่านซี ซึ่งมีกำลังการผลิตถึง 219,000 ตันต่อปี แต่ปีที่แล้วกลับมีขยะให้เผาเพียง 53,730 ตัน หรือคิดเป็นอัตราการใช้งานเพียง 24% เท่านั้น

 

ภาพ : R_DRONE / Shutterstock

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising