กรณ์กระตุ้น ก.ล.ต. เตือนซื้อ Big Lot หุ้นบางจาก (BCP) เสี่ยงซื้อของโจร และช่วยกลุ่มสแกมเมอร์ขนเงินหนี ชี้แก๊งฟอกเงินกำลังเร่ขายหุ้นก่อนเลือกตั้ง พร้อมจี้บอร์ดบางจากร่วมรับผิดชอบกรณีแต่งตั้งผู้ถือหุ้นรายใหม่เป็นกรรมการ
เมื่อวานนี้ (23 ธันวาคม) กรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เป็นที่รู้กันในวงการหุ้นว่าช่วงนี้ (ก่อนเลือกตั้ง) มีความพยายามที่จะเร่งขายหุ้นโดยกลุ่มที่โยงกับแก๊งฟอกเงิน ซึ่งหุ้นที่ว่านี้ยังไม่ได้ถูกอายัด เพราะมีการแอบถืออยู่ในบัญชี nominee”
พร้อมระบุต่อว่า “เรื่องด่วนที่ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ต้องรีบดำเนินการคือ ต้องออกคำเตือนว่าการซื้อหุ้น 7 บริษัทที่ ก.ล.ต. อยู่ในช่วงการสอบสวน มีความสุ่มเสี่ยงที่จะมีผลเป็นการซื้อของโจร ซึ่งจะเป็นการช่วยให้กลุ่ม Scammer ขนเงินหนีไปได้ (โดยเฉพาะการซื้อหุ้นแบบ Big Lot) ก.ล.ต. ต้องยํ้าว่าการรับซื้อหุ้นจากกลุ่มฟอกเงิน อาจถูกตีความว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับโจร สุ่มเสี่ยงกับถูกการดำเนินการทางกฎหมาย”
ล่าสุดกรณ์เปิดเผยเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ช่วงเช้านี้ (24 ธันวาคม) ว่า 1 ใน 7 บริษัทที่กล่าวถึงนี้คือ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ที่เคยมีข่าวตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดหุ้น BCP มูลค่าราว 6 พันล้านบาท
“กลุ่มฟอกเงินจะพยายามผ่องถ่ายหุ้นและสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่ลงเงินไว้ ก่อนจะมีการอายัดเพิ่มเติม สิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีความพยายามขายหุ้นที่อยู่ในชื่อคนอื่น และไม่ได้อยู่ในบัญชีที่ถูกอายัดไป” กรณ์กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า อยากกระตุ้นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าต้องปิดช่องโหว่เหล่านี้ให้ได้โดยเร็ว ในความเป็นจริงแล้วหุ้นที่เกี่ยวโยงกับการฟอกเงินมีมากกว่า 7 บริษัท
“ผมคิดว่า สิ่งที่ ก.ล.ต. ควรต้องเร่งดำเนินการคือ ออกคำเตือนให้ระมัดระวัง จริงๆ ที่อยากให้ทำเลยด้วยซ้ำไปคือฟรีซการซื้อขายหุ้นเหล่านี้เลย แต่ก็อาจจะไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นขั้นต่ำเลยคือควรต้องออกมาเตือน” กรณ์กล่าว
นอกจากนี้โบรกเกอร์ต้องระมัดระวังว่าการทำหน้าที่นายหน้าในการขายหลักทรัพย์ของกลุ่มคนที่สุ่มเสี่ยงต่อการมีส่วนร่วมกับการฟอกเงิน ทำให้โบรกเกอร์อาจมีส่วนผิดด้วย
จับตาผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ของบางจาก
อีกประเด็นที่ต้องจับตาคือ กรณีกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ของบางจาก
เมื่อ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา บางจากแจ้งเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท จากเดิมปรากฎชื่อของ ณัฐกร อธิธนาวานิช ก่อนจะถอนอำนาจลงนามออกไป
“กรณีบางจากมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น เพราะกรรมการที่มีอำนาจลงนามท่านหนึ่งถอนอำนาจลงนาม และกรรมการขอลาประชุมกว่า 30 วัน รู้มาว่ากรรมการท่านนั้นไปต่างประเทศกับครอบครัวแล้ว กรรมการท่านนี้เป็นกรรมการในฐานะผู้ถือหุ้นทางอ้อมโดยกลุ่มที่ถูกอายัดไป” กรณ์กล่าว
สิ่งที่ต้องย้อนกลับไปถามบริษัทคือ กรรมการท่านนี้ได้เข้ามาซื้อหุ้นเมื่อเดือนเมษายนปี 2567 หลังจากนั้นเพียงสองวันมีการประชุมผู้ถือหุ้นบางจาก และอนุมัติแต่งตั้งกรรมการ 5 คน และหลังจากนั้น 7 วัน กรรมการ 2 คนที่ผู้ถือหุ้นแต่งตั้งไปลาออก เปิดทางให้ตัวแทนจากกองทุนที่ถูกอายัดเข้ามาเป็นกรรมการ ซึ่งเกิดขึ้นเร็วมากและไม่ต้องผ่านการอนุมัติโดยผู้ถือหุ้น และยังเป็นกรรมการที่มีอำนาจลงนามด้วย
“คำถามคือ ตอนแต่งตั้งคณะกรรมการของบางจากได้ตรวจสอบแล้วหรือยัง ที่มาที่ไปของกรรมการท่านนี้ รวมทั้งตัวแทนที่เข้ามาซื้อหุ้น ซึ่งมีทุนเพียง 50 ล้านบาท แต่สามารถซื้อหุ้นมูลค่าหมื่นล้านบาทได้ และเป็นบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาเมื่อต้นปีที่แล้ว ก่อนจะมาซื้อหุ้นเพียงไม่กี่เดือน” กรณ์กล่าว “สุดท้ายจะบอกว่าบริษัทหรือคณะกรรมการบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นผู้อนุมัติให้เข้ามามีบทบาท”
เมื่อถูกถามว่า 7 บริษัทดังกล่าวนี้เชื่อมโยงกับ BIC Group หรือ ยิม เลียก ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม กรณ์ยืนยันว่า “ใช่”


