×

ใครได้-ใครเสีย? เงินบาทแข็งไม่หยุด! แตะ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ ทุบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน?

22.12.2025
  • LOADING...
ใครได้-ใครเสีย? เงินบาทแข็งไม่หยุด แตะ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ ทุบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน?

วันที่ 22 สิงหาคม เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง แตะระดับ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 4 ปีครึ่งใหม่ หรือตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายนปี 2564 โดยเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี เงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่ากว่า 8.5% แล้ว

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH โดยมองว่า การแข็งค่าของเงินบาทวันนี้ เป็นผลมาจากราคาทองคำที่ปรับตัวทำสถิติสูงสุดใหม่ การปรับสถานะของนักลงทุน และสถานการณ์ในตลาดการเงินของญี่ปุ่น ที่มีส่วนช่วยทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น

 

พูน อธิบายต่อว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในวันนี้มาจากการปรับสถานะ (Positioning) หลังจากช่วงก่อนหน้า ตลาดประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจไม่ปล่อยให้เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป ทำให้มีการเปิดสถานะช็อตบาท (Short Baht) หรือเปิดสถานะดอลลาร์บาท (Long USD/THB) ไว้ที่ระดับประมาณ 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่เมื่อเงินบาทหลุดระดับดังกล่าวมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 33.30-32.00 บาทต่อดอลลาร์ จึงทำให้เกิดการ Stop Loss ซึ่งเป็นแรงผลักดันเพิ่มเติมที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

 

นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังมาจากประเด็นตลาดการเงินของญี่ปุ่น จากภาวะที่จากรัฐบาลญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะใช้เงินเยอะขึ้น แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะขึ้นดอกเบี้ยและส่งสัญญาณพร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ เพื่อควบคุมต้นทุนดอกเบี้ย ท่ามกลางระดับหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูง

 

ภาวะเช่นนี้จึงทำให้ตลาดจึงตอบรับคล้ายกับเป็นการลงโทษ โดยจะเห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรรัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น แต่เงินเยนกลับอ่อนค่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น เนื่องจาก เมื่อ BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายและกล่าวว่ มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีก ทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และญี่ปุ่นแคบลง เงินเยนควรจะแข็งค่า ตลาดจึงเลือกจะไปถือทองคำมากกว่า ราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้น จึงทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นด้วย

 

เดือนเดียว! เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณ 3.3% (MTD)

 

ขณะที่ กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่ามาจากราคาทองคำโลกพุ่งสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ (Record High) ที่ระดับ 4,420.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ‘เป็นหลัก’ ตามมาด้วยปัจจัยที่เงินสกุลเอเชียอื่นๆ ขยับแข็งค่าในภาพรวม รวมไปถึงแรงขายดอลลาร์จากปัจจัยทางเทคนิค หลังจากเงินบาทแข็งค่าทะลุหลายแนวสำคัญ และปัจจัยตามฤดูกาล

 

นอกจากนี้ กาญจนา ยังตั้งข้อสังเกตว่า ในธันวาคมนี้เดือนเดียว (1-22 ธันวาคม 2568) เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้วประมาณ 3.3% (MTD) นับเป็นเดือนที่แข็งค่าเร็วที่สุดของปี และเป็นการปิดแข็งค่าถึง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน

 

ใครได้-ใครเสีย? เงินบาทแข็งไม่หยุด แตะ 31.15 บาทต่อดอลลาร์ ทุบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน? 1

 

ส่องทฤษฎี ‘บาทแข็ง’ ใครได้-ใครเสีย ประโยชน์?

 

ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า การแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้ ผู้นำเข้า ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าต่างประเทศที่ถูกลง ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้า ประชาชน ซื้อสินค้าและบริการจากต่างประเทศได้ถูกลง ผู้ลงทุน นำเข้าสินค้าทุนได้ถูกลง และผู้เป็นหนี้กับต่างประเทศ มีภาระหนี้ลดลง เพราะใช้เงินบาทน้อยลงในการชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ

 

แต่ในทางกลับกัน การแข็งค่าของเงินบาทจะทำให้ ผู้ส่งออกเสียประโยชน์จากราคาสินค้าที่แพงกว่าคู่แข่ง ทำให้มีรายได้ในรูปของเงินบาทลดลง คนทำงานต่างประเทศ นำรายได้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ มาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่รับเงินสกุลต่างประเทศ นำรายได้มาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง

 

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเคยประเมินว่า เงินบาทที่แข็งค่าเฉลี่ยทุกๆ 1% ต่อปี อาจมีผลกระทบต่อรายได้ผู้ส่งออกเกือบ 1 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นกว่า 0.5% ของ Nominal GDP และการแข็งค่าของบาททุกๆ 1% จะมีค่าเสียโอกาสจากรายได้ที่ไทยจะได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 1-1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี

 

อย่างไรก็ดี ในการดูผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมจะต้องคำนึงถึงผลในด้านอื่นๆ เช่น ผลดีจากบาทที่แข็งต่อการนำเข้า ตลอดจนผลกระทบจากคำสั่งซื้อที่อาจจะหายไปจากบาทแข็งเมื่อเทียบกับคู่แข่งด้วย นอกจากนี้ การประเมินดังกล่าวประเมินผลกระทบเพียงขาเดียวคือ นักท่องเที่ยวขาเข้าประเทศ

 

เปิดแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปีนี้

 

สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ กาญจนามองว่า เงินบาทอาจมีโอกาสชะลอการแข็งค่าได้ เนื่องจาก เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์แล้ว นอกจากนี้ ยังอาจการเข้าดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

 

นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ นักลงทุนอาจมีการปรับสถานะ หลังจากขายดอลลาร์มาเยอะแล้ว เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนค่ามาระยะเวลาหนึ่ง จึงอาจเห็นการซื้อดอลลาร์คืนบ้าง

 

ท่ามกลางภาวะตลาดบาง เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ สภาพคล่องในตลาดจะลดลง ดังนั้นหากมีแรงซื้อหรือขายด้านใดด้านหนึ่งออกมาเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ค่าเงิน ‘เหวี่ยงกลับ’ ไปอ่อนได้

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยฤดูกาล (Seasonal Factor) เนื่องจากโดยปกติในช่วงปลายปี ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) ของไทยมักจะเป็นบวก ซึ่งเป็นแรงหนุนให้มีการขายดอลลาร์และเปลี่ยนกลับเป็นเงินบาทจากฝั่งผู้ประกอบการ

 

สุดท้าย กาญจนายังให้จับตาแนวโน้มค่าเงินดอลลาร​์และทองคำ ซึ่งเป็นปัจจัยต่างประเทศสำคัญ ที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising