วันนี้ (21 ธันวาคม) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ‘ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569’ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,232 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 16-19 ธันวาคม 2568
ผลสำรวจพบว่า ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กลุ่มตัวอย่างจะเลือกพรรคประชาชน 24.55% รองลงมา คือ เพื่อไทย 21.62% ภูมิใจไทย 17.74% และเลือก สส.เขตสังกัดพรรคประชาชน 23.48% รองลงมาคือ เพื่อไทย 21.53% และภูมิใจไทย 16.04%
ทั้งนี้ บุคคลที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ พรรคประชาชน 23.97% ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ พรรคเพื่อไทย 21.95% อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย 16.25%
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า พรรคประชาชนยังนำทั้งในระดับพรรคและตัวบุคคล ขณะที่เพื่อไทยการยกเครื่องอาจยังไม่เห็นผลชัด แต่การรีแบรนด์ผ่านตัวบุคคลที่มาพร้อมความสดใหม่ทำให้ดึงคะแนนกลับมาได้
ด้านภูมิใจไทยแม้แนวโน้มคะแนนลดลง แต่ช่องว่างยังไม่มากและมีโอกาสพลิกเกม เมื่อฝ่ายหนึ่งมีความเชื่อมั่นเป็นฐาน อีกฝ่ายมีความสดใหม่เป็นแรงส่ง และอีกฝ่ายมีความได้เปรียบทรัพยากร การช่วงชิงจังหวะจากนี้จึงเป็นการบ้านที่ทุกพรรคเร่งทำเพื่อส่งประชาชนให้ทันวันเลือกตั้ง
ผศ. อัญชลี รัตนะ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่าแนวโน้มการตัดสินใจของประชาชนไทยต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ถูกหล่อหลอมด้วยความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความต้องการการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและความต้องการความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่จับต้อง ได้จริง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2568 ทั้งความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านและภัยธรรมชาติ
เมื่อแยกเป็นประเด็นย่อยต่อการตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง พบว่า ประชาชนให้น้ำหนักกับอุดมการณ์ที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยและการเสนอทางออกใหม่ ๆ ให้กับประเทศ
ขณะที่การเลือก สส. แบบแบ่งเขตยังเป็นพื้นที่ของการพึ่งพาและความไว้วางใจในตัวบุคคลผู้สมัครที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นที่พึ่งพาในยามวิกฤต หรือมีการดูแลพื้นที่อย่างต่อเนื่องมักจะได้รับความนิยมสูงกว่ากระแสพรรคเพียงอย่างเดียว ส่วนการเลือกผู้นำประเทศ ประชาชนยังคงมองหาบุคคลที่มีส่วนผสมของความรอบรู้เท่าทันโลกยุคดิจิทัล และมีความสามารถในการบริหารจัดการปัญหาปากท้องและหนี้ครัวเรือนอย่างเบ็ดเสร็จ


