×

Sport Psychology บนสนามจริง ชัยชนะที่วัดกันด้วย “หัวใจ”

16.12.2025
  • LOADING...
Sport Psychology บนสนามจริง ชัยชนะที่วัดกันด้วย “หัวใจ”

เชื่อว่าถ้าหากใครได้ชมเกมวอลเลย์บอลหญิงระหว่างทีมชาติไทยกับเวียดนามเมื่อวานนี้ คงต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือแมตช์ชิงชนะเลิศที่สนุกที่สุดนัดหนึ่งบนหน้าประวัติศาสตร์ซีเกมส์อย่างแน่นอน

 

ตลอดการแข่งขัน 5 เซต รูปเกมสนุกสูสี เข้มข้น เร้าใจ ทำเอากองเชียร์ทั้งฝั่งไทยและฝั่งเวียดนาม ทั้งในสนามหรือรับชมผ่านหน้าจอต่างก็ลุ้นจนนั่งไม่ติด โดยเฉพาะเซตตัดสิน ที่กว่าจะรู้ผล คะแนนก็ดิวซ์ยาวจนเล่นกันเต็มเซตไปเสียแล้ว

 

ทั้งสองทีมต่างฝ่ายต่างผลัดกันตกอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝา ความกดดันบีบคั้นหัวใจ สลับกันเซฟแมตช์พอยต์ และที่สำคัญคือจะพลาดไม่ได้ แต่สุดท้ายชัยชนะก็ตกเป็นของทีมไทยกับแชมป์สมัยที่ 17

 

ความสนุกระดับ 11 เต็ม 10 แบบนี้ถูกใจผู้ชมกันถ้วนหน้า ยิ่งไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าบัตรเข้าชมด้วยแล้ว ยิ่งคุ้มค่ากับการเดินทางสุดๆ แต่สำหรับนักกีฬาแล้วเกมสุดอึดอัดแบบนี้ มันช่างเต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึก ความกดดัน ต้องใช้สมาธิและความแข็งแกร่งของจิตใจเป็นอย่างมาก

 

และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมนักกีฬาทุกคนควรได้รับการฝึกฝนเรื่อง Sport Psychology หรือ จิตวิทยาการกีฬาด้วยเช่นกัน เพราะความแข็งแกร่งของนักกีฬาไม่ได้พึ่งพาร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ความเข้มแข็งด้านจิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญ

 

ในเรื่องนี้ บุ๋มบิ๋ม-ชัชชุอร โมกศรี กัปตันทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ 2025 ได้บอกกับเราผ่านบทสัมภาษณ์ซีรีส์ Player Profile ไว้อย่างน่าสนใจว่า วิธีการฝึกความแข็งแกร่งทางด้านทัศนคติและจิตใจถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเธอ

 

“ไม่ต้องไปคิดถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า ถ้าคิดเยอะเกินไปมันส่งผลเสีย กลายเป็นกดดันตัวเองมากไป ควรทำอะไรให้มันสบายๆ อยู่ในเกณฑ์ที่พอดี อะไรที่เยอะเกินไป ไม่ว่าจะคิดเยอะหรือตั้งใจมากไป หรืออยากชนะมากเกินมันก็ส่งผลเสียกับเรามากๆ เหมือนกัน”

 

“อย่างในเกมระหว่างแข่ง เมื่อต้องเจอความกดดัน สิ่งที่เราทำได้ง่ายสุด ณ ตอนนั้น คือการหายใจ ถ้าเราเกร็งมากจนหายใจไม่ได้ มีโอกาสที่เราจะสติแตก ซึ่งการหายใจเข้าออกลึกๆ ช่วยให้ผ่อนคลายขึ้นและมีสมาธิเพิ่มขึ้น”

 

ก่อนลงแข่งก็ว่ากดดันแล้ว เพราะต้องเพราะในฐานะเจ้าภาพและแชมป์ 14 สมัยติดต่อกัน การเจอกับเวียดนามถือเป็นแมตช์แห่งศักดิ์ศรีและแมตช์ใหญ่สุดของอาเซียน โดยเฉพาะรอบชิงชนะเลิศ ยิ่งเราไม่เคยเสียเหรียญทองให้กับเวียดนามมาก่อน คู่แข่งก็ยิ่งมาพร้อมความมุ่งมั่นที่อยากจะเอาชนะไทยในบ้านให้ได้

 

ในเกมเราจึงได้เห็นคุณภาพของนักกีฬาครบทุกด้าน ทักษะ เทคนิค แท็กติก ร่างกาย หรือจิตใจ เราเห็นนักกีฬาทั้งสองทีมแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างไม่เป็นรองกัน แต่ผู้ที่จะชนะในเกมแบบนี้ได้ คือทีมที่ฝึกฝนเรื่องของจิตใจมาได้ดีกว่า

 

หลังจบเกม บุ๋มบิ๋ม เปิดใจว่า ไม่ได้กดดันกับบทบาทกัปตันทีม แค่ผิดหวังในฟอร์มของตัวเอง แต่สิ่งที่เธอทำคือพยายามกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมทุกคนให้มีสมาธิและแรงจูงใจในสถานการณ์คับขัน

 

“ซีเกมส์ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ได้เล่นในบ้านแล้วพอผิดพลาด มันรู้สึก(ผิดหวัง) มากกว่าปกติ แต่โชคดีเรามีกองเชียร์คอยซัปพอร์ต”

 

“หนูพยายามส่งเสียงให้มากที่สุด คอยประคองน้องๆ และกระตุ้นกันและกันตลอดเวลา เพื่อให้ทุกคนมีแรงจูงใจในการเล่น”

 

ความผิดพลาดในการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่บุ๋มบิ๋มพยายามแสดงออกมาเกิดขึ้นจากการฝึกฝนด้านจิตวิทยาการกีฬามาเป็นอย่างดี

 

สอดคล้องกับความเห็นหลังเกมของ “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีม ได้กล่าวไว้ว่า เกมเซตตัดสิน โค้ชบอกว่ามี 4 ปัจจัยที่ทำให้เราชนะ คือร่างกาย จิตใจ เทคนิคและแทคติค แต่สิ่งสำคัญสุดคือเรื่องของจิตใจที่เราทำได้ดีกว่า

 

“คุณภาพทางจิต เพราะเราตามเขามาตลอด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะไล่กลับมาให้ทัน แต่เราสามารถรักษาความมั่นคงทางจิตใจ ลดความเครียดลงได้ เพราะถ้าตื่นเต้นมากเกินไป ก็คงเอาชนะในเกมนี้ไม่ได้”

 

ข้อคิดจากเกมนี้ย้ำให้เห็นชัดว่า การพัฒนานักกีฬาในยุคปัจจุบัน ไม่อาจหยุดอยู่แค่ร่างกายหรือทักษะ แต่ต้องฝึกหัวใจให้แข็งแกร่งพอจะยืนอยู่ท่ามกลางความกดดัน เพราะในวันที่เกมสูสีสุดๆ สิ่งที่พาไปถึงเส้นชัย ไม่ใช่พลังแขนหรือขา แต่คือพลังใจที่ไม่ยอมแพ้ของทั้งทีม

 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising