เชื่อว่าสายบิวตี้คงคุ้นตากับคำว่า ‘Vampire Facial’ จากรูปเซลฟี่ในตำนานของ Kim Kardashian เมื่อสิบกว่าปีก่อนกับใบหน้าที่อาบไปด้วยเลือด เบื้องหลังความสวยสยองนี้คือการทำ PRP (Platelet-Rich Plasma) หรือการนำเลือดตัวเองมาปั่นแยกเกล็ดเลือดเข้มข้นแล้วใช้เข็มขนาดเล็ก (Microneedling) สะกิดเปิดผิวเพื่อให้พลาสม่าซึมลงไป
แต่ความพีคคือ ตอนนั้นเธอตั้งครรภ์จึงไม่สามารถใช้ยาชาได้ ทำให้ต้องทนเจ็บแบบสดๆ จนเจ้าตัวออกมาเผยภายหลังว่า “มันเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว” ถึงขั้นเข็ดขยาดและโบกมือลาวงการนี้ไปเลย

Kim Kardashian/ Instagram
แต่ล่าสุดสาว Kim กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการบินตรงไปถึงเกาหลี เพื่อทำสิ่งที่เรียกว่า ‘MCT’ นวัตกรรมใหม่ซึ่งยังคงคอนเซปต์การใช้เลือดตัวเอง แต่ มีความล้ำกว่าเดิม
งานนี้เราจึงไม่รอช้า บุกไปสัมภาษณ์ Dr. Park Young Jin แพทย์เฉพาะทางผิวหนังแห่งสมาคมศัลยกรรมความงามและเลเซอร์ ประเทศเกาหลีใต้ (ASLS) และผู้ก่อตั้ง Obliv Young Clinic ที่นำเข้านวัตกรรม MCT เป็นที่แรกในไทย เพื่อเจาะลึกว่านวัตกรรมนี้คืออะไร เวิร์กแค่ไหน ถึงขั้นที่สาว Kim เปิดใจบินไปลองถึงที่

สำหรับใครที่ไม่เคยได้ยินถึงนวัตกรรมดังกล่าวเลย อยากให้คุณหมออธิบายง่ายๆ ว่า MCT คืออะไร
Dr.Park: อธิบายให้เห็นภาพง่ายที่สุด MCT เปรียบเสมือนห้องแล็บเคลื่อนที่ (Mini Lab) ครับ ปกติแล้วการที่เราจะสกัด Exosome หรือกระตุ้นสเต็มเซลล์ให้ตื่นตัวนั้น เราต้องทำในห้องแล็บขนาดใหญ่ที่มีมาตรฐานสูงมาก เพื่อควบคุมอุณหภูมิและแสงไฟที่จำเพาะเจาะจง รวมถึงต้องปลอดเชื้อขั้นสุด ซึ่งคลินิกทั่วไปทำเองไม่ได้

แต่เครื่อง MCT นี้ย่อส่วนเทคโนโลยีเหล่านั้นมาไว้ในเครื่องเดียวครับ โดยใช้แสงและอุณหภูมิที่แม่นยำไป ‘ปลุก’ ให้สเต็มเซลล์ในเลือดหลั่ง Exosome ออกมา ซึ่งเจ้า Exosome นี่แหละครับคือกุญแจสำคัญ เพราะเมื่อมันเข้าสู่ร่างกาย มันจะทำหน้าที่วิ่งไปหาจุดที่เซลล์เสื่อมสภาพ แล้วส่งสัญญาณสั่งให้เซลล์ตรงนั้นทำการฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองขึ้นมาใหม่
มันจึงไม่ใช่แค่การเติมสารอาหารผิวชั่วคราว แต่เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายรักษาตัวเอง (Regeneration) อย่างแท้จริงครับ

ในฐานะที่คุณหมอเป็นทั้ง KOL, ผู้ใช้งานจริงของ MCT และผู้ที่เคยผ่านการทำ PRP แบบดั้งเดิมมาก่อน ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยว่ามันต่างกันอย่างไร
Dr. Park: ความแตกต่างถือว่ามหาศาลเลยครับ อย่างแรกที่ชัดเจนที่สุดคือ ‘ความเจ็บ’ ครับ
สมัยก่อนคนไม่ค่อยแฮปปี้กับ PRP เพราะมันเจ็บมาก เจ็บจนไม่อยากกลับมาทำซ้ำ แต่กระบวนการของเครื่อง MCT ที่ช่วย ปรับโครงสร้างและตัดอนุภาคของมันให้เนียนละเอียดขึ้น ทำให้เวลาฉีดเข้าไปมันสมูทกว่าเดิมมาก ความเจ็บก็น้อยลงเยอะครับ

แต่หัวใจสำคัญจริงๆ คือ ‘ประสิทธิภาพ’ ครับ ปกติ PRP แบบเดิมจะให้แค่ Growth Factors ซึ่งช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นหรือซ่อมแซมได้แค่ชั่วคราว พอหมดฤทธิ์ก็หายไป ต้องกลับมาทำบ่อยๆ
แต่ MCT ด้วยความที่มันมี Exosome เข้มข้นจากกระบวนการ Mini Lab ที่ผมเล่าไป มันให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่าครับ เพราะมันเข้าไปซ่อมแซมโครงสร้างเซลล์ที่เสียหายให้กลับมาทำงานได้ดีอีกครั้ง ไม่ใช่แค่การบูสต์ระยะสั้น

พอพูดถึง Exosome ช่วงนี้เทรนด์ Longevity มาแรงมาก แต่คนก็ยังกังวลเรื่องความปลอดภัย การใช้เลือดตัวเองแบบนี้มั่นใจได้แค่ไหน
Dr. Park: เรื่องความปลอดภัยนี่สำคัญที่สุดเลยครับในฐานะหมอ ผมบอกได้เลยว่าการใช้เลือดของตัวเอง (Autologous) คือ ปลอดภัยที่สุดครับ เพราะถ้าเราไปใช้ Exosome จากคนอื่น ร่างกายเราอาจมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและเกิดการต่อต้านได้ เหมือนการปลูกถ่ายอวัยวะ ซึ่งมีความเสี่ยงครับ ที่เกาหลีนี่ห้ามใช้ของคนอื่นเลย ต้องของตัวเองเท่านั้น
ส่วนเรื่องดราม่า Exosome ในไทยเมื่อปีก่อน ที่มีข่าวคนฉีด Exosome แบบขวดแล้วเนื้อตาย (Necrosis) จนอย. สั่งแบนห้ามฉีดทุกยี่ห้อให้ใช้ทาได้อย่างเดียวนั้น MCT คือข้อยกเว้นครับ เพราะมันเป็น Exosome ชนิดเดียวในตอนนี้ที่ฉีดเข้าผิวได้ถูกกฎหมาย เนื่องจากมันสกัดมาจากเลือดของคนไข้เอง จึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องการแพ้หรือเนื้อตายแบบนั้น ผ่านการรับรองทั้งในเกาหลีและไทยเรียบร้อยแล้วครับ

พูดถึงการใช้เลือด หลายคนจะนึกถึงภาพ Vampire Facial ของ Kim Kardashian สมัยก่อนที่หน้าโชกเลือด การทำ MCT เหมือนกันไหม
Dr. Park: ต้องบอกว่าวิธีแบบ Vampire Facial ที่เห็นหน้าเลือดโชกๆ แล้วเอาเข็มมาถูๆ บนหน้าแบบนั้น จริงๆ เป็นวิธีที่ผิดนะครับ (หัวเราะ) การทำแบบนั้นมันเหมือนการขูดผิวให้เป็นรอยถลอกซึ่งเป็นการทำร้ายผิวมากกว่าการรักษาครับ มันดูหวือหวาแค่ในเชิงการตลาดเฉยๆ
สำหรับ MCT ผมจะใช้วิธีฉีดเป็นจุดๆ หรือใช้เข็มทู่ (Cannula) สอดเข้าไปใต้ชั้นผิวเลยครับ วิธีนี้ตัวยาจะลงไปทำงานได้จริงโดยไม่เลอะเทอะและไม่ทำร้ายผิวชั้นบน
ซึ่งล่าสุดคุณ Kim เขาก็บินมาทำ MCT ที่เกาหลีเหมือนกันครับ แต่เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้มันดีขึ้นกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนเยอะมาก ไม่โหดร้ายแบบนั้นแล้วครับ

เห็นว่า MCT มีหลายโหมด สำหรับมือใหม่ที่เลือกไม่ถูก คุณหมอมีคำแนะนำอย่างไร
Dr. Park: ข้อดีของเครื่องนี้คือแต่ละโหมดมีจุดเด่นต่างกันครับ
- PRP Mode: ช่วยเรื่องความสดใส
- *Cell Mode: เน้นฟื้นฟูสุขภาพผิว ลดการอักเสบ เหมาะกับคนพักผ่อนน้อย
- *Exosome Mode: ช่วยกระชับผิว ลดริ้วรอย และฟื้นฟูเชิงลึก
*ใช้กับโหมด IV Drip ได้
ดังนั้นปกติในการเจาะเลือด 1 ครั้ง ผมจะทำครบวงจรเลยครับ คือเจาะมาประมาณ 80cc แล้วแบ่งเข้าเครื่อง MCT

ส่วนใหญ่ประมาณ 60cc ผมจะนำกลับเข้าไปทาง IV Drip เพื่อฟื้นฟูร่างกายจากภายใน และแบ่งอีก 20cc มาเข้าโหมด Exosome เพื่อฉีดที่ใบหน้า การทำคู่กันทั้งภายในและภายนอกแบบนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ

ถ้าอยากเห็นผลเรื่องชะลอวัยชัดๆ คุณหมอแนะนำให้ทำคู่กับหัตถการตัวไหนเป็นพิเศษไหม
Dr. Park: ทำคู่กันได้ดีมากครับ เพราะ MCT ช่วยสร้างพลังงานให้เซลล์ (ATP) พอเซลล์มีแรง มันก็ตอบสนองกับยาตัวอื่นได้ดีขึ้นแบบทวีคูณเลยครับ สูตรที่ผมชอบใช้คือ
- ถ้าอยากหน้ากระชับ: ผมจะผสม MCT กับ Liquid PCL หรือไหมน้ำ เพราะตัวนี้ช่วยให้หน้าแน่นขึ้นและเล็กลงโดยไม่ไปเพิ่มวอลลุ่มที่แก้ม
- ถ้าผิวแห้งหรือแพ้ง่าย: ผมจะผสมกับ HA (Hyaluronic Acid) เพื่อลดการอักเสบและเติมน้ำให้ผิวครับ
ส่วนถ้าเทียบกับ PN หรือ PDRN ดีเอ็นเอจากปลาแซลมอนที่ฮิตๆ กัน ตัวนั้นข้อดีคือปลอดภัยครับ แต่ข้อเสียคือ ‘เจ็บมาก’ และต้องทำซ้ำหลายรอบกว่าจะเห็นผลชัด แต่ Exosome จาก MCT จะทรงพลังกว่าในแง่การซ่อมแซมเซลล์ และเห็นผลไวกว่าครับ

ฟังดูน่าสนใจมาก อยากให้คุณหมอแนะนำหน่อยว่า MCT เหมาะกับคนกลุ่มไหน อายุเท่าไหร่ถึงเริ่มทำได้ และมีข้อจำกัดสำหรับใครไหม
Dr. Park: ผมแนะนำให้เริ่มได้ตั้งแต่ อายุ 30 ปี ครับ ถือเป็นการป้องกัน (Prevention) และชะลอวัยที่ดีมาก
ส่วนคนที่มีไลฟ์สไตล์หนักๆ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือพักผ่อนน้อย กลุ่มนี้ยิ่งควรทำครับ เพราะเซลล์เขาเสียหายเยอะ Exosome จะเข้าไปซ่อมแซมจุดที่พังได้ดีมาก เรียกว่าคุ้มค่ากว่าคนสุขภาพดีด้วยซ้ำ
ข้อห้ามเดียวที่สำคัญคือ ผู้ป่วยมะเร็งหรือมีเนื้องอกครับ เพราะ Exosome มันช่วยกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ เราเลยกลัวว่ามันอาจจะไปกระตุ้นเซลล์มะเร็งได้ อันนี้ต้องเลี่ยงครับ
ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนเมื่อไหร่ และจะอยู่ได้นานแค่ไหน
Dr. Park: ถ้าเป็นผิวหน้าจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงช่วง 2 สัปดาห์ ครับ และจะเห็นผลชัดเจนที่สุดช่วงประมาณ 1-2 เดือน หลังทำ ส่วนการทำ IV Drip ร่างกายจะเริ่มรู้สึกสดชื่น มีพลังขึ้นชัดเจนในช่วง 1-2 สัปดาห์
ส่วนคำถามที่ว่าอยู่ได้นานแค่ไหน จริงๆ ตอบยากเพราะขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่คอนเซปต์ของ Exosome คือการซ่อมแซม ดังนั้นสิ่งที่ถูกซ่อมแซมไปแล้ว มันจะไม่หายไปไหนครับ มันคือผิวจริงของเราที่แข็งแรงขึ้น
แต่เพื่อเมนเทนให้เซลล์สดใหม่อยู่เสมอ ผมเลยแนะนำให้ทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือถ้าทำได้บ่อยกว่านั้นก็จะยิ่งดีครับ
เห็นคุณหมอเองก็มีเดินทางบ่อยมาก มีเคล็ดลับดูแลตัวเองอย่างไร แล้วคุณหมอได้ทำ MCT กับตัวเองบ่อยไหม
Dr. Park: ผมทำเองทุกเดือนเลยครับ (ยิ้ม) ช่วงนี้ผมลดน้ำหนักลงไป 8 กิโล และบินต่างประเทศทุกสัปดาห์ ปกติร่างกายต้องเพลียมาก แต่ผมไม่เพลียเลย เพราะผมดริป MCT เข้า IV ตลอด มันช่วยเรื่องความสดชื่นได้ดีจริงๆ ครับ
หลังทำมีช่วงเวลาต้องพักฟื้นไหม
Dr.Park: Downtime แทบไม่มีครับ ถ้าเรื่องแอลกอฮอล์ก็ให้งดดื่มแค่ 24 ชั่วโมงหลังทำครับ

สุดท้ายนี้ อยากฝากอะไรถึงคนที่สนใจเทคโนโลยีนี้
Dr. Park: ในฐานะหมอ ผมมองว่า Exosome คืออนาคตของการแพทย์ครับ และ MCT ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด ถูกกฎหมาย และราคาจับต้องได้ มากกว่าสเต็มเซลล์แบบเดิม มันไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่เป็นเรื่องของสุขภาพและการชะลอวัยเพื่อให้เราดูดีที่สุดในวัยของเราครับ
สำหรับใครที่สนใจนวัตกรรม MCT ที่ Obliv Young มั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการมาตรฐานเดียวกับบินไปทำที่เกาหลี ทีมแพทย์ที่นี่ทุกท่านผ่านการเทรนนิ่งและควบคุมมาตรฐานโดยผมโดยตรง ดังนั้นไม่ว่าจะเข้ารับบริการกับคุณหมอท่านไหนก็มั่นใจได้ในมาตรฐานและเทคนิคที่เป็นซิกเนเจอร์เดียวกันครับ
Result
จากปัญหาผิวเริ่มหย่อนคล้อย มีอาการอักเสบและพักผ่อนน้อย คุณหมอ Park จึงแนะนำโปรแกรม Exosome ฉีดหน้าคู่กับ IV Drip

ผลลัพธ์คือเช้าวันรุ่งขึ้นผิวดูอิ่มฟูและโกลวใสขึ้นทันที พร้อมร่างกายที่รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ สัมผัสได้ชัดเจนว่าผิวเนียนละเอียดและแน่นกระชับขึ้น บริเวณร่องแก้มหรือจุดที่เคยดูตอบ ก็ดูตื้นขึ้นจากโครงสร้างผิวที่อิ่มฟูและแข็งแรงขึ้น
Good for
MCT ตอบโจทย์ผู้ที่กังวลเรื่องสารแปลกปลอม เพราะใช้เซลล์จากเลือดตัวเอง 100% จึงปลอดภัยจากการแพ้และเป็นทางเลือก Exosome แบบฉีดที่ถูกกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวในไทย และยังตอบโจทย์คนที่เคยเข็ดขยาดกับความเจ็บของ PRP เดิมด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยปรับอนุภาคให้เจ็บน้อยลงและเน้นการฟื้นฟูระดับเซลล์ที่ยั่งยืนกว่า เหมาะสำหรับการดูแลแนว Slow Aging
แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่ยังใหม่ แม้จะมีทฤษฎีรองรับเรื่องกลไกการซ่อมแซมเซลล์ แต่ในแง่ของงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันผลลัพธ์ระยะยาว ยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นเก็บข้อมูลเมื่อเทียบกับหัตถการดั้งเดิม ประสิทธิภาพจึงขึ้นอยู่กับ ‘ต้นทุนสุขภาพ’ ของแต่ละบุคคล
Obliv Young
Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-18.00 น.
Address: Sethiwan Tower
Budget:
- 25,000 บาท ต่อโหมด ต่อการรักษา 1 ครั้ง
- ราคาพิเศษ: 59,990 บาท ต่อ 3 โหมด (จากปกติ 75,000 บาท)
หมายเหตุ:
- โหมดฉีดหน้า มีอัตราค่าบริการ 5,000 บาท ต่อโหมด
- ราคาเฉพาะลูกค้าคนไทยเท่านั้น
Tel: 09 5424 9997
Website: https://oblivyoung.com/service/program-mct/
Facebook: https://www.facebook.com/oblivyoung
Instagram: https://www.instagram.com/oblivyoung/
ภาพ: Kim Kardashian, ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์


