×

สรุปผลงาน ‘เศรษฐกิจ’ เอกนิติ-รัฐบาลภูมิใจไทย ทำอะไรไปแล้วบ้าง? ก่อนยุบสภา

12.12.2025
  • LOADING...
**สรุปผลงาน ‘เศรษฐกิจ’ เอกนิติ รัฐบาลภูมิใจไทย ทำอะไรไปแล้วบ้าง? ก่อนยุบสภา**

สรุปผลงาน ‘เศรษฐกิจ’ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐบาลภูมิใจไทย นับตั้งแต่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 มีนโยบายที่ผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) อะไรไปแล้วบ้าง แบบเรียงตามวันที่ และนโยบายอะไรที่ยังทำไม่เสร็จ หรือไปต่อไม่ได้

 

คืนหนี้ ธ.ก.ส. 35,960 ล้านบาท

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 โดยใช้ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของปีงบฯ 2568 คืนเงินแก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นจำนวน 35,960 ล้านบาท

 

เติมเงินพิเศษ 1,700 บาท เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.4 ล้านคน

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 โดยเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,700 บาทต่อคน ทั้งสิ้น 13.4 ล้านคน ใช้ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของปีงบฯ 2568 ทั้งสิ้น 22,780 ล้านบาท คาดช่วยหนุน GDP ได้ 0.07-0.08% ในปี 2568

 

โครงการ คนละครึ่ง พลัส วงเงิน 44,000 ล้านบาท

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 อนุมัติโครงการ คนละครึ่ง พลัส วงเงิน 44,000 ล้านบาท ใช้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ (งบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจ) ปีงบฯ 2569 จำนวน 25,000 ล้านบาท และงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบฯ 2569 จำนวน 19,000 ล้านบาท คาดดัน GDP ให้โตเพิ่มขึ้นประมาณ 0.21 – 0.22% ในปี 2568

 

มาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายงบ-การใช้จ่ายภาครัฐปีงบฯ 69 (Front loading)

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 โดยหวังเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 320,996.41 ล้านบาท โดยกำหนดว่าโครงการที่ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ต้องเบิกให้เสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องเบิกให้เสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2569

 

รัฐบาลยังกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 3,780,600 ล้านบาท โดยกำหนดตัวเลขชัดเจน ดังนี้ เบิกจ่ายรวมทั้งปี ไม่ต่ำกว่า 93% เบิกจ่ายงบประจำ ไม่ต่ำกว่า 98% และเบิกจ่ายงบลงทุน ไม่ต่ำกว่า 75%

 

นอกจากนี้ ยังกำหนดการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ โดยให้รัฐวิสาหกิจกำหนดเป้าหมายเบิกจ่าย ไม่น้อยกว่า 95% ของกรอบงบลงทุน ส่วนตัวเลขความสำเร็จของการเบิกจ่ายถูกนำไปเป็น ตัวชี้วัด (KPI) ประเมินผู้บริหารระดับสูง พร้อมเร่งดึงแผนการเบิกจ่ายมาไว้ช่วง ไตรมาส 1-2 ของปีบัญชี 2569 เพื่อลดการเบิกจ่ายกระจุกตัวในช่วงปลายปี

 

เที่ยวดีมีคืน

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 เป็นมาตรการทางภาษี ไม่ได้ใช้งบโดยตรง ซึ่งประกอบด้วย (1) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรอง (2) มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุมสัมมนาประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 (Front Load) (3) มาตรการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่ 17.01 และ (4) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก

 

โดยกระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศจะช่วยให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดท่องเที่ยวรองมากขึ้น และช่วยให้ GDP โตเพิ่มขึ้น 0.04 – 0.05% ในปี 2568 และขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.03 – 0.04% ในปี 2569 เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีการดำเนินมาตรการ

 

ปิดหนี้ไว ไปต่อได้

 

กระทรวงการคลัง ธปท. และภาคสถาบันการเงิน ร่วมกันดำเนินโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่เหลือภาระหนี้ NPL ไม่เกิน 100,000 บาท จำนวน 3.4 ล้านราย นับเป็นจำนวนบัญชี 4.7 ล้านบัญชี คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 120,000 ล้านบาท ให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ มีประวัติชำระหนี้ที่ดีขึ้น และมีโอกาสกลับมาเข้าถึงสินเชื่อในระบบ

 

โครงการนี้ใช้แหล่งเงินทุนที่เหลือจากการลดค่าธรรมเนียมกองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF TF) จาก 0.46% เหลือ 0.23% ในปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้ในโครงการ ‘คุณสู้เราช่วย’ ทำให้ ไม่เป็นภาระนโยบายการคลังของรัฐบาล และสามารถทำได้เลย เพราะแหล่งที่มาของเงินได้ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. ในรัฐบาลชุดก่อน

 

โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill)

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เป็นโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส เพื่อกระตุ้นและจูงใจให้ร้านค้าพัฒนาธุรกิจของตนเอง ผ่านการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น ตั้งเป้าแจกเงินร้านค้า 400,000 ราย ใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของปีงบฯ 69 จำนวนไม่เกิน 800 ล้านบาท

 

แผนการคลังระยะปานกลาง (Medium Term Fiscal Framework)

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ตั้งเป้าลดขาดดุลการคลังเหลือไม่เกิน 3% ของ GDP ภายในปี 2572 เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยคงเพดานหนี้สาธารณะไม่เกิน 70%

 

โดยกำหนดแนวทางบริหารการคลังอย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุมรายได้ รายจ่าย หนี้สิน และทรัพย์สินของภาครัฐ รวมทั้งปรับปรุงและเพิ่มกฎเกณฑ์ทางการคลัง (Fiscal Rules) ให้มีความโปร่งใส และยังเพิ่มความเข้มงวดกรอบวินัยการคลัง โดยเฉพาะมาตรการกึ่งการคลัง ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

 

โครงการ BOI FastPass ทางด่วนการลงทุน

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 มอบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งทีมพิเศษ ประสานงาน และให้คำปรึกษา พร้อมรายงานสถานะอนุมัติ/อนุญาตบนระบบ FastPass เพื่อแก้ไขปัญหา/อุปสรรค และเร่งรัดให้เกิดการลงทุนโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดเวลาในขั้นตอนการขออนุมัติได้ 20-50%

 

มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ (Upskill & Reskill) จำนวน 1 แสนคน

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เป็นมาตรการอบรมแรงงานทักษะสูงระยะสั้น ผ่าน Short Course, Digital และ AI Training ร่วมกับมหาวิทยาลัย และสถาบันฝึกอบรมทั้งของรัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมาย 4 เดือน อบรมแรงงานให้ได้ 100,000 คน

 

มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

 

ผ่านการเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เป็นมาตรการสนับสนุนให้ ผู้ประกอบการไทยสามารถลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร และระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หรือเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ และอุตสาหกรรมสีเขียว

 

โดย มาตรการพัฒนาแรงงานทักษะสูง และมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ทั้งสองมาตรการจะใช้เงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ในวงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท

 

ยึดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์กว่าหมื่นล้านบาท

 

ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 13/2568 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ได้มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินจำนวน 289 รายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 10,165 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 คดีสำคัญ ได้แก่ (1) เครือข่ายเฉิน จื้อ (Chen Zhi) (2) เครือข่ายก๊ก อาน (Kok An) (3) เครือข่ายเบน สมิธ และ แตงไทย สุดท้าย 4) เครือข่าย ULELA Max

 

ทั้งนี้ ดร.เอกนิติเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงิน เพื่อยกระดับการติดตามตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัย และได้ตั้งคณะทำงานติดตามรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย ผ่านระบบ ‘ดาต้าบูโร’ ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

 

เปิดนโยบายใดที่ยังไม่ได้ทำ-ทำไม่ได้

 

  • มาตรการการออม

 

ผ่านการหารือเบื้องต้นในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2568 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ซึ่งประกอบด้วย 4 มาตรการได้แก่ (1)โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล (TISA) (2)โครงการพันธบัตรรัฐบาล ‘ออมพลัส’ (3) มาตรการยกเว้นอากรแสตมป์ให้กรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) และ (4) อนุญาต ‘Lump-Sum Annuity’ รับบำนาญก้อนแรกเป็นเงินก้อน

 

ความคืบหน้าล่าสุด กระทรวงการคลังระบุเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ว่ายังเป็นการวางกรอบกว้างๆ และพร้อมปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยมุ่งเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ให้ทันภายในเดือนธันวาคม 2568

 

  • สลากการออม (ไม่ผ่านกฤษฎีกา)

 

รัฐบาลวางแผนเปิดตัวมาตรการคืนเงินให้กับประชาชน ที่ซื้อสลาก L6 ในรูปแบบดิจิทัล หรือสลากดิจิทัล แล้วไม่ถูกรางวัล อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เผยว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาตีตกโครงการ ‘สลากการออม’ ไปแล้ว เนื่องจากขัดต่อวัตถุประสงค์และเกินอำนาจหน้าที่ของสำนักงานสลาก ฯ

 

  • คนละครึ่ง พลัส เฟส 2 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

 

โครงการ คนละครึ่ง พลัส เฟส 2 สำหรับประชาชนกลุ่มตกหล่น และการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ โดยในช่วงเช้าวันที่ 12 ธันวาคม เอกนิติ กล่าวว่า ต้องรอฟังจากบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกที

 

ที่มา: สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, The Standard Wealth รวบรวม

 


 

 

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising