×

นักจิตวิทยาแนะพ่อแม่ อย่าพูดแค่ ‘ไม่มีเงิน’ ชี้เป็นคำทำลายอนาคตการเงินลูก

10.12.2025
  • LOADING...
นักจิตวิทยาแนะ พ่อแม่ อย่าพูดแค่ ไม่มีเงิน ชี้ เป็นคำทำลาย อนาคตการเงินลูก

ในยุคที่แรงกดดันทางเศรษฐกิจและอัตราค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้รายจ่ายต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การบริหารจัดการเงินเป็นความท้าทายหลักของทุกครอบครัว และหนึ่งในบททดสอบที่สำคัญที่สุดคือ การรับมือกับคำขอซื้อของราคาสูงของบุตรหลาน ซึ่งมักเกินกว่าขอบเขตของงบประมาณที่ตั้งไว้

 

แม้ว่าคำขอเหล่านี้อาจดูเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชี้ว่า นี่คือจุดเปลี่ยนที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดทัศนคติและพฤติกรรมทางการเงินของเด็กในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการจัดการเงินเมื่อพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต

 

นักจิตวิทยาด้านการเงินให้ความสำคัญอย่างมากกับการใช้ภาษาในการปฏิเสธ โดยเฉพาะประโยคสั้นๆ ที่พบบ่อย เช่น เรามีเงินไม่พอ หรือ เราซื้อไม่ได้ ซึ่งมีผลต่อการสร้างกรอบความคิดและความเชื่อด้านการเงินอย่างมีนัยสำคัญ

 

โดยเฉพาะเมื่อเด็กเข้าสู่วัยเรียน พวกเขาจะเริ่มใช้เกณฑ์ทางวัตถุเพื่อทำการเปรียบเทียบทางสังคม ในยามที่สังเกตเห็นการใช้จ่ายของเพื่อนในวัยเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นทริปต่างประเทศ ของเล่นราคาแพง หรือทรัพย์สินที่แสดงความหรูหราในบ้านของคนอื่น การเห็นสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ทำไมสถานะทางการเงินของครอบครัวเราถึงไม่สามารถมีสิ่งเหล่านั้นได้

 

และเมื่อพ่อแม่ต้องเผชิญหน้ากับคำถามและคำขอ ลูกจะถามต่อว่าทำไมถึงซื้อไม่ได้ ช่วงเวลานี้เองที่ผู้ปกครองจะรู้สึกอึดอัด เพราะคำถามอาจไปกระตุ้นความรู้สึกผิด หรือประสบการณ์ความขาดแคลนในอดีต ทำให้การตอบด้วยประโยคสำเร็จรูปอย่างเราซื้อไม่ได้ เพื่อยุติบทสนทนา

 

นักจิตวิทยาด้านการเงินแนะ 3 แนวคิดเพื่อสร้างความเข้าใจด้านการเงิน 1.เปลี่ยนจากตอบว่าไม่มีเงินเป็นทางเลือกทางการเงิน เนื่องจากความเสี่ยงของการบอกว่าซื้อไม่ได้อย่างสั้นๆ ทำให้เด็กสับสน เพราะในความเป็นจริง ครอบครัวอาจมีช่องทางในการหาเงินมาซื้อได้ เช่น การกู้ยืม, การใช้สินเชื่อส่วนบุคคล, หรือการขายสินทรัพย์ แต่การทำเช่นนั้นจะส่งผลให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน

 

แนวทางที่แนะนำคือ อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมถึงเลือกที่จะไม่ซื้อ โดยชี้แจงเป้าหมายและทางเลือกทางการเงินของครอบครัว เช่น ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเร่งปลดหนี้ตามด้วยการบอกว่าเงินก้อนนี้ถูกจัดสรรไว้สำหรับการออมเพื่อการศึกษาในอนาคต หรือกำลังลงทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์ระยะยาว ซึ่งเป็นการสอนให้ลูกเข้าใจถึงการจัดลำดับความสำคัญของงบทางการเงิน

 

2. หลีกเลี่ยงกรอบความคิดแห่งความขาดแคลน เพราะผลกระทบระยะยาวของการพูดซ้ำๆ ว่าไม่มีเงินเป็นการปลูกฝังกรอบความคิดแห่งความขาดแคลน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเปรียบเทียบว่าเหมือนกับเด็กที่ถูกจำกัดการกินขนม เมื่อโตขึ้นและมีอิสระทางการเงิน พวกเขาอาจเกิดพฤติกรรมการใช้จ่ายเกินตัว เพื่อสนองความรู้สึกที่ถูกกดทับ ซึ่งนำไปสู่การสร้างภาระหนี้สินในที่สุด

 

ส่วนแนวทางที่แนะนำคือ อธิบายว่าการปฏิเสธไม่ได้มาจากการขาดแคลนแต่มาจากการบริหารจัดการ พ่อแม่ควรเน้นย้ำถึงหลักการบริหารเงินตามลำดับความสำคัญ ซึ่งช่วยปลูกฝังแนวคิดเรื่องการจัดสรรทรัพยากรแทนที่จะทำให้เด็กฝังใจว่าครอบครัวอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเงินตลอดเวลา

 

3. ใช้ทุกคำขอเป็นโอกาสในการสอนการเงิน โดยคำขอของลูกคือโอกาสในการเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับเป้าหมายทางการเงินของครอบครัว และความสำคัญของการออมและการลงทุนเพื่ออนาคต พ่อแม่สามารถเชื่อมโยงคำขอของลูกเข้ากับโลกแห่งความเป็นจริง เช่น เล่าเรื่องราวของผู้ประกอบการที่สร้างความสำเร็จผ่านวินัยทางการเงินและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้เด็กเห็นว่าการบรรลุความฝันทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยการทำงานหนัก การมีวินัย และการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด

 

ทั้งหมดสอดรับกับงานวิจัยที่ระบุว่า เด็กที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีวินัยทางการเงินและสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ ส่วนใหญ่จะมาจากครอบครัวที่พูดคุยเรื่องเงินกันอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นการวางรากฐานให้บุตรหลานโตมาเป็นคนที่มีสถานะการเงินที่ดีในอนาคต

 

ภาพ:KongNoi/shutterstock

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising