×

เมื่ออธิปไตยกลายเป็นตัวแปรเศรษฐกิจ ชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเดือด สะเทือนดีลภาษีสหรัฐฯ แค่ไหน?

10.12.2025
  • LOADING...
เมื่ออธิปไตยกลายเป็นตัวแปรเศรษฐกิจ ชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเดือด สะเทือนดีลภาษีสหรัฐฯ แค่ไหน?

ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทวีความอ่อนไหวขึ้นในช่วงล่าสุด หอการค้าไทยได้ออกมาย้ำจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ‘อธิปไตยต้องมาก่อน’ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าปัจจัยดังกล่าว จะไม่สั่นคลอนทิศทางการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งยังคงมีอัตราภาษีที่ระดับ 19% ที่ไทยยังแข่งขันได้

 

ภาคผู้ส่งออกไทยสะท้อนมุมมองในอีกด้านว่า การเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ อาจไม่สามารถปิดดีลได้ในระยะสั้น และยังมีความไม่แน่นอนสูงว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะหยิบยกประเด็นความปะทะบริเวณชายแดนมาชะลอการเจรจาครั้งใหม่หรือไม่

 

ปัจจัยเหล่านี้อาจส่งแรงสั่นสะเทือนต่อทิศทางการค้า การลงทุน ไม่เพียงเป็นประเด็นด้านความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ที่ทุกฝ่ายต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

 

หอการค้าย้ำ ‘อธิปไตยชาติสำคัญที่สุด’

 

ดร.ชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ถึงทิศทางเศรษฐกิจและการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ (Reciprocal Tariff) ท่ามกลางความกังวลว่าเหตุปะทะอาจส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาการเจรจาภาษี

 

ดร.ชนินทร์ แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ชายแดนว่า ภาคเอกชนเข้าใจสถานการณ์ดีและขอเอาใจช่วยรัฐบาล โดยมองว่าความมั่นคงและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด (Absolute) พร้อมยืนยันว่าประเทศไทยมีความชอบธรรม (Legitimate) และมีสิทธิในการป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ เนื่องจากไทยไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลง

 

เมื่ออธิปไตยกลายเป็นตัวแปรเศรษฐกิจ ชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเดือด สะเทือนดีลภาษีสหรัฐฯ แค่ไหน? 1

 

ประเด็นหลักของความขัดแย้งในครั้งนี้ ดร.ชนินทร์ระบุว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องทุ่นระเบิดและการเก็บกู้ (De-mining) ซึ่งตามข้อตกลงควรจะต้องมีการเจรจาและเก็บกู้ระเบิด แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ขัดขวางไม่ให้มีการถอดทุ่นระเบิด ซึ่งถือว่าผิดสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) และกฎบัตรสหประชาชาติ

 

โดยภาคเอกชนเชื่อมั่นในทีมกระทรวงการต่างประเทศที่จะชี้แจงในเวทีโลกว่าไทยไม่ใช่ผู้เริ่มต้นเหตุการณ์

 

ยืนยันภาษีสหรัฐฯ อยู่ที่ 19% ไม่ใช่ 36% ย้ำยัง ‘สู้ได้’

 

ในประเด็นเรื่องการเจรจาภาษีการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะชะงักงัน ดร.ชนินทร์ ชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า

 

“ปัจจุบันอัตราภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากไทยตามข้อตกลงล่าสุด เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนที่ผ่านมา อยู่ที่ 19% เท่านั้น ไม่ใช่ 36% อย่างที่กังวลกัน”

 

ซึ่งเป็นอัตราที่บังคับใช้แล้วและครอบคลุมเกือบทุกประเทศในอาเซียน ทำให้ไทยยังพอมีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้

 

สำหรับการเจรจาเพื่อขอลดภาษีให้ต่ำกว่า 19% ที่รัฐบาลชุดนี้และกระทรวงพาณิชย์พยายามผลักดันนั้น

 

“แม้อาจจะไม่ทันกำหนดเวลาเดิมหรือต้องหยุดชะงักชั่วคราวเนื่องจากปัญหาชายแดน แต่ทางภาคเอกชนมองว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และควรรอให้เหตุการณ์สงบเรียบร้อยเสียก่อนจึงค่อยกลับมาเจรจา”

 

เป้าหมายถัดไปดันสินค้าเกษตร-อาหาร เข้า ‘Exemption List’

 

ดร.ชนินทร์ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีการหารือกับภาคธุรกิจของสหรัฐฯ มาโดยตลอด และเห็นแนวโน้มที่ดีในการเจรจาครั้งต่อไป โดยเป้าหมายสำคัญไม่ใช่เพียงการลดภาษีจาก 19% แต่คือการผลักดันให้สินค้าเกษตรและอาหารของไทย เช่น กาแฟ น้ำมะพร้าว และเนื้อสัตว์ เข้าไปอยู่ใน บัญชียกเว้นภาษี (Exemption List) หรือไม่เสียภาษีเลย

 

ทั้งนี้ ภาคเอกชนยืนยันว่ามีข้อมูลพร้อมครบถ้วนแล้ว หากสถานการณ์ชายแดนคลี่คลายและมีความชัดเจนเมื่อใด ก็พร้อมที่เดินหน้าเจรจากับสหรัฐฯ ได้ทันที

 

โดยสถานการณ์ในขณะนี้เปรียบเสมือนการที่เราต้องเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย ก่อนที่จะลงมือปลูกสร้างสิ่งใหม่ ดร.ชนินทร์ ย้ำว่า “ขอให้จัดการปัญหาอธิปไตยให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเรื่องเศรษฐกิจและการค้านั้น ฐานที่ 19% ยังเป็นจุดที่ภาคธุรกิจไทยยืนอยู่ได้ และพร้อมจะวิ่งต่อทันทีเมื่อสัญญาณความมั่นคงชัดเจน”

 

ห่วงเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ยากที่จะปิดดีลในเร็ววัน

 

ธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท. ) กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า สรท. มองว่า “จากการประเมินการเจรจาภาษีสหรัฐฯ คงจะยังไม่ยุติในเร็ววัน ประเด็นนี้ทรัมป์จะยกเรื่องการปะทะมาชะลอการเจรจาหรือไม่ คาดเดาได้ยากมาก ขึ้นอยู่กับเขามองเรื่องนี้อย่างไร จะเอามาปนกันหรือไม่ เป็นไปได้หมด ทางไทยต้องประคอง เก็บหลักฐานการถูกรุกรานก่อนให้ครบถ้วนที่สุด”

 

เมื่ออธิปไตยกลายเป็นตัวแปรเศรษฐกิจ ชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเดือด สะเทือนดีลภาษีสหรัฐฯ แค่ไหน? 2

 

อย่างไรก็ตาม ต่อสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา และผลกระทบต่อภาคการส่งออก สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด

 

โดยเฉพาะกรณีที่เกิดการเผชิญหน้าหรือมีความเสี่ยงปะทะเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้าและมีความเปราะบางสูง

 

1. สถานการณ์ที่ตึงเครียดต่อเนื่องมีแนวโน้มส่งผลกระทบโดยตรง

 

  • ความมั่นคงของเส้นทางการค้าชายแดน
  • ต้นทุนด้านโลจิสติกส์และเวลาขนส่ง
  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผู้ส่งออก และผู้บริโภค

 

ซึ่งอาจซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลออยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ปกติควรเป็นฤดูกาลที่กิจกรรมเศรษฐกิจฟื้นตัว

 

2. ผลกระทบจริงที่เกิดขึ้นต่อผู้ส่งออกไทย (ตามข้อมูล สรท.)

 

ปัจจุบัน ผู้ส่งออกจำนวนมากได้ หยุดการขนส่งผ่านด่านชายแดน และจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปใช้

  • เส้นทางเรือ (sea freight)
  • การลากตู้ทางบกในระยะทางที่ไกลขึ้น (inland haulage)

 

ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความล่าช้า ซึ่งการเปลี่ยนเส้นทางดังกล่าวทำให้

  • ต้นทุนโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก
  • ระยะเวลาขนส่งยาวขึ้น
  • กระทบต่อความสามารถแข่งขันของผู้ส่งออกไทย

 

ผลกระทบนี้รุนแรงเป็นพิเศษสำหรับ SMEs ที่มีความอ่อนไหวต่อต้นทุนและสภาพคล่อง

 

3. ข้อเสนต่อรัฐบาล

 

สรท.ขอเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง ดังนี้

 

1.ใช้สันติวิธีและการทูตเป็นกลไกหลัก

 

เพื่อคลี่คลายสถานการณ์และป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลาม ซึ่งจะช่วยรักษาความเชื่อมั่นจากคู่ค้าต่างประเทศและปกป้องภาพลักษณ์ของประเทศไทย

 

2.บริหารจัดการพื้นที่ชายแดนให้ปลอดภัย พร้อมดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพเส้นทางโลจิสติกส์

 

รวมถึงการเตรียมความพร้อมของด่านทางเลือกหรือเส้นทางขนส่งสำรอง เพื่อไม่ให้ระบบส่งออกหยุดชะงัก

 

3.สื่อสารข้อมูลอย่างโปร่งใสและต่อเนื่อง
เพื่อลดความกังวลของประชาชน นักท่องเที่ยว และภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งบรรยากาศด้านความเชื่อมั่นมีผลโดยตรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

 

4.พิจารณามาตรการบรรเทาต้นทุนโลจิสติกส์เร่งด่วนเช่น

  • มาตรการลดค่าใช้จ่ายท่าเรือ
  • การอำนวยความสะดวกพิธีการศุลกากร
  • สิทธิประโยชน์ภาษีชั่วคราว

 

เพื่อช่วยผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนเส้นทางขนส่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

4. ผลต่อบรรยากาศช่วงปีใหม่

 

หากสถานการณ์ยังคงตึงเครียดหรือเกิดเหตุปะทะเพิ่มเติม อาจส่งผลต่อ

  • ความรู้สึกปลอดภัยของประชาชน
  • การเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
  • กำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงเทศกาล

 

ซึ่งอาจทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจช่วงปีใหม่ “อ่อนแรงกว่าที่ควรจะเป็น”แต่หากรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ได้ดี ใช้การทูตเชิงรุก และสื่อสารอย่างต่อเนื่องผลกระทบดังกล่าวจะลดลงและจำกัดอยู่ในบางพื้นที่เท่านั้น

 

5. เสถียรภาพชายแดน = เสถียรภาพด้านการค้าและเศรษฐกิจโดยตรง

 

ภาครัฐจึงควรดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ความตึงเครียดลุกลาม พร้อมช่วยเหลือผู้ส่งออกที่กำลังเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเปลี่ยนเส้นทางขนส่ง

 

ภาพ: Harvepino / Getty images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising