ดูเหมือนว่า เมฆหมอกแห่งความท้าทายจะปกคลุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับคลื่นแรงกดดันระลอกใหม่ที่ซัดเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ชี้ชัดว่า ตลาดอสังหาฯ ในปี 2569 ต้องรับมือกับ 3 แรงกดดันเดิม ได้แก่ หนี้ครัวเรือนสูงที่ฉุดรั้งกำลังซื้อ สต๊อกที่อยู่อาศัยคงค้างจำนวนมาก และข้อจำกัดของพื้นที่ศักยภาพในการพัฒนาโครงการ ผนวกกับแรงกดดันใหม่ที่เกิดจากแรงส่งของตลาดบ้านราคาสูงที่เริ่มแผ่วลง และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ในสมรภูมิที่ดุเดือดนี้ มีหนึ่งผู้เล่นที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือ ‘ศุภาลัย’ ที่ก้าวขึ้นเป็น Success Case แห่งอุตสาหกรรมอสังหาฯ ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนที่เป็นเลิศ รักษามาร์จินได้อย่างสม่ำเสมอ และมีภาระหนี้สินในระดับต่ำ จนสามารถครองอันดับ 1 ด้านการเติบโตของกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
แล้วอะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ศุภาลัยยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง?

SAP S/4HANA Cloud: ‘ระบบหลังบ้าน’ ที่แข็งแกร่ง ทางรอดและมาตรฐานใหม่ของธุรกิจยุคดิจิทัล
ความสำเร็จของศุภาลัยไม่ได้มาจากการปรับตัวที่รวดเร็วเพียงอย่างเดียว แต่รากฐานที่มั่นคงที่สุดคือระบบบริหารจัดการหลังบ้านที่แข็งแกร่ง ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ระบบดังกล่าวคือ SAP S/4HANA Cloud ระบบ ERP ระดับโลกที่ดูแลกระบวนการทำงานแบบ End-to-End ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ปัจจุบัน องค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกเลือกใช้ SAP S/4HANA Cloud ในการบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (ERP) เพราะเป็นระบบที่ให้ความละเอียดของข้อมูลในระดับปฏิบัติการสูงสุด ช่วยบริหารจัดการทุกส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเงิน ซัพพลายเชน ไปจนถึงทรัพยากรบุคคล และอื่นๆ อีกมากมาย
SAP ยุคใหม่นี้พัฒนาไปไกลกว่าเดิม ด้วยการเปลี่ยนผ่านจากระบบ On-Premise ที่ซับซ้อน สู่ Cloud ERP ที่ให้ความยืดหยุ่นสูง สามารถขยายขนาดตามการเติบโตของธุรกิจได้ง่าย และมาพร้อมกับแนวคิด Clean Core ที่เป็นมาตรฐานใหม่ในการรักษาแกนหลักของระบบให้สะอาด อัปเดตง่าย และเชื่อมต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้โดยไม่กระทบโครงสร้างเดิม
จุดเด่นของ SAP S/4HANA Cloud
- โครงสร้างดิจิทัลที่เชื่อมโยงข้อมูล: SAP S/4HANA Cloud ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักที่ทำให้ข้อมูลทั้งหมดเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย Data
- การมองเห็นธุรกิจแบบ Real-time: ข้อมูลถูกบันทึกตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์และประมวลผลได้ลึกถึงระดับหน้างาน เห็นตัวเลขจริง และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำในทุกจังหวะ
- ลดต้นทุนและ Human Error: การ Automate กระบวนการให้สามารถทำงานแบบ 24 ชั่วโมง ทุกวัน แทนที่การใช้คนทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจ ลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดในงานที่ต้องอาศัยความละเอียดสูง ส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงอย่างชัดเจน

เจาะลึก SAP S/4HANA Cloud ช่วยให้ ‘ศุภาลัย’ สร้างความได้เปรียบได้อย่างไร?
สำหรับธุรกิจอสังหาฯ ขนาดใหญ่ ที่ต้องบริหารจัดการโครงการจำนวนมากและมีวงจรการก่อสร้างยาวนาน การมีระบบบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่ดีจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง ศุภาลัยใช้ SAP S/4HANA Cloud เป็นแกนหลักในการบริหารทรัพยากรทั้งหมด ด้วยมาตรฐานและกระบวนการเดียวกันในทุกโครงการทั่วประเทศ
- การวางแผนโครงการที่แม่นยำตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ:
ศุภาลัย นำข้อมูลต้นทุนทุกด้านในระบบ SAP S/4HANA Cloud (ค่าที่ดิน, ค่าก่อสร้าง, การคาดการณ์กำไรขาดทุน) มาประเมินความเสี่ยงทางการเงินและระยะเวลาคืนทุนได้อย่างแม่นยำตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ
- ควบคุมต้นทุนวัสดุและซัพพลายเชนแบบ Real-time:
SAP S/4HANA Cloud ช่วยให้มองเห็นต้นทุนวัสดุแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและราคาวัสดุได้อย่างแม่นยำ แม้ต้องก่อสร้างหลายร้อยโครงการในกว่า 29 จังหวัด
- บริหารไซต์งานและการเงินอย่างแม่นยำ:
สามารถติดตามสถานะการก่อสร้างของแต่ละไซต์งานได้อย่างชัดเจน ทำให้กำหนดเวลาการจ่ายเงินผู้รับเหมาได้ตรงเวลา สร้างความน่าเชื่อถือ และบริหารต้นทุนก่อสร้างได้อย่างแม่นยำ
- ยกระดับบริการหลังการขาย:
ระบบช่วยเก็บข้อมูลวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในแต่ละบ้าน ทำให้การบริการหลังการขาย เช่น การซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ สามารถระบุสินค้าทดแทนได้แน่ชัด และรักษามาตรฐานการดูแลลูกค้าได้สม่ำเสมอ
การมีข้อมูลหลังบ้านที่โปร่งใสและครบวงจร ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น
- ผู้บริหาร: สามารถตัดสินใจลงทุนและขยายธุรกิจได้อย่างแม่นยำขึ้น เพราะมองเห็นข้อมูลรอบด้าน
- ผู้ถือหุ้นและคู่ค้า: สามารถตรวจสอบการทำงานได้โปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ
- พนักงาน: ทำงานได้ไหลลื่นภายใต้กระบวนการและข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทั้งองค์กร
- ลูกค้า: ได้รับประสบการณ์การบริการที่รวดเร็ว มีมาตรฐาน และน่าเชื่อถือ

เบื้องหลังความราบรื่น: ‘I AM Consulting’ พาร์ทเนอร์ผู้วางรากฐาน
หัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบบริหารจัดการทั้งหมดของศุภาลัยทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น คือการมีพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญอย่าง ‘I AM Consulting บริษัทที่ปรึกษาด้าน SAP ที่อยู่เบื้องหลังการวางระบบให้กับธุรกิจชั้นนำของไทยแทบทุกอุตสาหกรรมมากกว่า 200 องค์กร และลูกค้ากว่า 80 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (SET) มายาวนานกว่า 2 ทศวรรษ
จุดแข็งของ I AM Consulting
- ผนึกกำลังความเชี่ยวชาญแบบลงตัว: การทำงานร่วมกันระหว่างทีม Technical Consultant ระดับแนวหน้าที่เชี่ยวชาญ SAP อย่างลึกซึ้ง กับทีม Business Consultant ที่เข้าใจบริบทของธุรกิจไทย ตั้งแต่ระบบบัญชี ภาษี ไปจนถึงโครงสร้างธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม ทำให้สามารถวางระบบที่ ตอบโจทย์ธุรกิจ’ ได้ดีที่สุดและใช้ได้จริง
- การดูแลแบบครบวงจร (End-to-End): มีทีม AMS (Application Management Services) ที่พร้อมดูแลหลังการส่งมอบอย่างต่อเนื่อง เพราะการลงทุนใน ERP จะไม่สมบูรณ์หากขาดทีมผู้เชี่ยวชาญดูแลในระยะยาว
- คุณภาพแบบญี่ปุ่น ที่เข้าใจความเป็นไทย: I AM Consulting เป็นบริษัทในเครือ และได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจากบริษัทแม่อย่าง TIS INTEC Group บริษัท IT ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น ทำให้การทำงานอยู่ภายใต้มาตรฐานความละเอียดแบบญี่ปุ่น ผสานกับความเข้าใจเชิงลึกในบริบทของธุรกิจไทย
ล่าสุด I AM Consulting ได้รับการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน SAP Implementer ด้วยการคว้ารางวัลระดับภูมิภาคจาก SAP South East Asia Partner Success Summit 2025 ถึง 2 สาขา ได้แก่ Best SAP BTP Partner Southeast Asia และ Best SAP Partner of The Year Indochina
นี่คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าท่ามกลางสมรภูมิตลาดอสังหาฯ ที่เต็มไปด้วยความท้าทายอันหนักหน่วง SAP S/4HANA Cloud คือขุมพลังที่ช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินงาน และการมีพันธมิตรที่เข้าใจธุรกิจอย่าง I AM Consulting คือกุญแจสำคัญที่พาองค์กรก้าวสู่มาตรฐานระดับโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
อ้างอิง:


