วันนี้ (4 ธันวาคม) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ประธานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง พรรคไทยสร้างไทย แสดงความคิดเห็นกรณีภาพหลุดของ เบน สมิธ นักธุรกิจผู้ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติและทุนสีเทา ซึ่งปรากฏร่วมเฟรมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และบุคคลระดับสูงในวงการการเมือง ราชการจำนวนมาก
แม้นายเอกนิติจะชี้แจงว่าภาพเป็นภาพเก่าเมื่อ 5 – 6 ปีที่แล้ว จากหลักสูตรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ภราดรมองว่า จำนวนภาพที่ปรากฏออกมาและมีบุคคลสำคัญหลากหลายฝ่ายอยู่ร่วมกัน สะท้อนถึงการแทรกซึมของเครือข่ายสีเทาที่ดำเนินมาอย่างเป็นระบบและยาวนานในทุกภาคส่วนของสังคมไทย
ภราดรอ้างข้อมูลจาก ป.ป.ง. ระบุว่ามีการอายัดทรัพย์ในคดีนี้ราว 10,000 ล้านบาท แต่ฝ่ายการเมือง นักวิชาการ และภาคประชาสังคมประเมินว่า อาจมีมูลค่าจริงสูงถึง 26,000 ล้านบาท ทว่า ก.ล.ต. ยังไม่ขยับ ซึ่งเป็นจุดที่ภราดรชี้ว่า ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าเหตุใดหน่วยงานกำกับดูแลจึงยังไม่มีการดำเนินการเพิ่มเติม
ภารดรระบุว่า เมื่อครบกำหนดอายัดทรัพย์ 90 วัน สิ่งที่ต้องจับตาคือ จำนวนทรัพย์ที่จะถูกยึดจริง และกระบวนการยุติธรรมไทยจะสามารถเดินหน้าเอาผิดได้มากน้อยเพียงใด
ภราดรยังตั้งคำถามสำคัญต่อรัฐบาลว่า เหตุใดประเทศไทยยังไม่มี หมายจับเบนสมิธ ทั้งที่คดีมีลักษณะข้ามชาติชัดเจน หากมีหมายจับก็สามารถออกหมายแดงอินเตอร์โพล ทำให้จำกัดเส้นทางการหลบหนีและเพิ่มโอกาสควบคุมตัวมาดำเนินคดีได้ทันที ขณะที่กรณี ยิมเลียก ผู้ต้องสงสัยชาวกัมพูชา เขามองว่าไทยและกัมพูชามีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่แล้ว รัฐบาลควรเร่งประสานไม่ปล่อยให้หลบหนีต่อไป
ภราดรยังเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า บุคคลในเครือข่ายสีเทาหลายรายในไทยกำลังพยายาม หมอบ และบางส่วนเตรียมแยกตัวเป็นพยาน หลังเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่เตรียมออกมาตรการจัดการเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ ทำให้บางรายอาจเลือกโยนความผิดให้ผู้อื่นเพื่อแลกกับการลดโทษ
ภราดรย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงภาพหลุด แต่เป็น สัญญาณเตือน ว่าเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติได้แทรกซึมวงการการเมือง ราชการ และธุรกิจไทยมานาน รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งตัดวงจรนี้ ก่อนที่ความเสียหายจะลุกลามจนยากต่อการควบคุม


