วานนี้ (30 พฤศจิกายน) ทีมข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ ที่ วัดมหัตตมังคลาราม หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดหาดใหญ่ใน อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พบว่าภายในบริเวณวัดยังคงมีร่องรอยความเสียหายปรากฏให้เห็นชัดเจน
โดยขณะนี้เข้าสู่ระยะการฟื้นฟู ซึ่งพระภิกษุและสามเณรต่างเร่งระดมกำลังทำความสะอาดและบูรณะปฏิสังขรณ์ศาสนสถานให้กลับสู่สภาพเดิม
ในระหว่างการฟื้นฟูพื้นที่ ทางวัดยังคงทำหน้าที่สำคัญในการเป็นที่พึ่งของชุมชน โดยพระภิกษุและสามเณรได้ช่วยกันประกอบอาหารเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่โดยรอบ แม้สภาพความพร้อมของวัดจะยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่ยังคงยึดมั่นหลักการเป็นศูนย์กลางที่พึ่งพิงของประชาชนในทุกสถานการณ์ ทั้งในยามปกติและยามภัยพิบัติ พร้อมให้ความช่วยเหลือและดูแลผู้ได้รับความเดือดร้อนอย่างเท่าเทียมโดยไม่แบ่งแยกศาสนา
สำหรับวัดมหัตตมังคลารามนั้น ถือเป็นศาสนสถานเก่าแก่และมีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์ต่อจังหวัดสงขลา เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธหัตถมงคล พระพุทธไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งมีความยาวถึง 35 เมตร โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถเมื่อปี พ.ศ. 2519
วัดแห่งนี้จึงเป็นทั้งศูนย์รวมจิตใจและแลนด์มาร์กสำคัญทางวัฒนธรรมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความเคารพศรัทธา
พระอาจารย์ผู้ดูแลวัดได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ปัจจุบันมีหลายหน่วยงานขอใช้พื้นที่วัดเป็นศูนย์บัญชาการและสถานที่ตั้งชั่วคราว ซึ่งทางวัดยินดีให้ความร่วมมือโดยไม่มีข้อขัดข้อง
อย่างไรก็ตาม ได้สะท้อนข้อเท็จจริงว่า วัดเองก็เป็นผู้ประสบภัยที่ต้องการการฟื้นฟูเช่นเดียวกัน หากหน่วยงานต่างๆ มีกำลังคนและเครื่องมือเพียงพอแล้ว ขอให้พิจารณาจัดสรรงบประมาณหรือกำลังพลเข้ามาช่วยบำรุงซ่อมแซมวัด เพื่อให้วัดกลับมาเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่แข็งแรงสำหรับทุกคน และสามารถดูแลพระภิกษุสามเณรในวัดเครือข่ายอื่นๆ ที่อยู่ในความดูแลได้ต่อไป










