×

คุยกับ ‘บู้ Slur’ และทีมผู้ก่อตั้ง ORYM แอคทีฟแวร์ไทย ที่ทำขึ้นเพื่ออากาศร้อนชื้น

26.11.2025
  • LOADING...
orym-activewear-tropical-thailand-slur-brooo

ในโลกของเสื้อผ้าออกกำลังกายที่เต็มไปด้วยแบรนด์ระดับโลก แทบไม่มีเจ้าไหนเลยที่ ‘เกิดมาเพื่อคนเขตร้อนชื้นจริงๆ’ ส่วนใหญ่ถูกพัฒนาในประเทศที่มีอากาศแห้ง หรือทุ่งหญ้าสเตปป์ ซึ่งไม่ตรงกับการใช้ชีวิตของคนเมืองร้อนชื้นแบบไทย ที่มีความชื้นสูง ผ้าแห้งช้า และสภาพการออกกำลังกายที่มีเหงื่อเป็นเพื่อนสนิทอยู่ตลอดเวลา 

 

ด้วยมองเห็นช่องว่างของตลาด และเชื่อว่าคนในภูมิภาคเขตร้อนชื้นสมควรมีเสื้อผ้าที่เข้าใจร่างกายและสภาพอากาศอย่างแท้จริง ‘บู้ SLUR’ จึงชวน ‘อ๋อง-กษิดิศ ดวงวราภรณ์’ และ เฟียต-ธนพงศ์ พานิชชอบ จากแบรนด์ Brooo มาทำแบรนด์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้แถบนี้โดยเฉพาะ ฝั่งหนึ่งโฟกัสเรื่อง ดีไซน์ ความขบถ และความเป็นตัวของตัวเอง อีกฝั่งโฟกัสเรื่อง ฟังก์ชัน เทคโนโลยีผ้า และการใช้งานจริง กลายเป็น ORYM แอคทีฟแวร์สัญชาติไทย ที่ตั้งใจทำมาให้ ‘เลอะ เขอะ มีความเท่สูง เหมาะกับสภาพอากาศไทย จะเอาไปใส่วิ่งก็ได้ ใส่ไปทำกิจกรรมแบบเอาท์ดอร์ หรือเดินห้างเล่นๆ วันที่เบื่อก็ได้ทั้งหมด

 

วันนี้เราช่วยทั้ง 3 มานั่งคุยถึงเบื้องหลังแบรนด์ ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาตัดสินใจทำรวมกัน ไปจนถึงอนาคตข้างหน้าที่อยากให้ไปถึง Global Brand

 

ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น

 

ทำไมต้องเป็น ‘ORYM’ (โอริม) ชื่อนี้มาจากไหน มีความหมายพิเศษอะไรหรือเปล่า

 

บู้ Slur: ถ้าเอาแบบจุดกำเนิดของชื่อเลย จริงๆ มาจากศิลปินที่ผมชอบ Joan Miró แล้วคำว่า Miró เวลารีเวิร์สกลับมันจะได้คำว่า O-rim (O-R-I-M) แต่เราไม่อยากได้ตัว I เราอยากหาคำที่ไม่มีความหมายเฉพาะ แต่ต้องเป็นคำสั้น เห็นแล้วจำได้ทันที เหมือนเวลาคนพูดถึง Nike, Adidas, Hoka อะไรแบบนี้ เราเลยเปลี่ยน I เป็น Y แทน ซึ่งผมว่ามันติดปาก สะกดเป็นภาษาไทยก็ง่าย เวลาพูดให้ใครฟังก็จำได้หมด ไม่ค่อยมีใครถามซ้ำว่า “เฮ้ย แบรนด์อะไรนะ” อันที่จริงเราคิดมาหลายชื่อนะ ใช้ AI ช่วยก็มี แต่สุดท้ายชื่อนี้เป็นชื่อที่เราชอบที่สุด มันออร์แกนิค และพวกเราก็ชอบมันมาก

 

ช่วยเล่าเหตุการณ์วันที่ตัดสินใจทำแบรนด์ร่วมกันหน่อย

 

เฟียต: ทุกอย่างเริ่มต้นจากการไปวิ่ง ผมเจอพี่บู้ในงานวิ่งของ Saucony ตอนนั้นผมก็ใส่ของแบรนด์ที่ตัวเองทำ (Brooo) อยู่ พี่บู้ก็มาเช็กเกียร์ว่าใส่อะไร นาฬิกาอะไร เราก็เลยได้คุยกัน ผมเล่าให้เขาฟังว่า ผมทำแบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกายอยู่ เพิ่งไปออกบูธที่ Chamonix ฝรั่งเศสมา ฝรั่งชอบแบรนด์ไทยมาก เพราะวัสดุดี งานผลิตดี ราคาแฟร์ ผมคิดว่าอันนี้เป็นพาวเวอร์ใหญ่ของ industry ไทยเลย

 

ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดว่าจะทำแบรนด์ใหม่ร่วมกัน แค่เปิดให้พี่บู้ถามอะไรก็ได้ ถ้าอยากทำแบรนด์แนวนี้ ผมเต็มที่อยู่แล้ว

 

บู้ Slur: พอวันนั้นกลับไป ผมก็เริ่มคิดว่า “หรือเราควรทำอะไรใหม่ร่วมกับเขาดีวะ?” ตอนแรกยังคิดแค่ในเฟรมคอลแลบกับแบรนด์เดิม แต่หลังๆ ผมรู้สึกว่า ถ้าจะทำทั้งที ขอทำแบรนด์ใหม่เลยดีกว่า จะได้วิ่งยาวๆ แบบมาราธอน ไม่ใช่โปรเจกต์สั้นๆ แล้วจบ

 

คอนเซ็ปต์ของ ORYM คืออะไร?

 

บู้ Slur: จริงๆ เราพยายามจะไม่เรียกตัวเองว่า ‘แบรนด์’ ด้วยซ้ำ เราอยากสร้างคัลท์อะไรใหม่ๆ ขึ้นมา ผมมองว่าเสื้อผ้าออกกำลังกายควร represent ความเป็นเสื้อผ้าของเมืองเขตร้อนชื้น เราอยากใส่ identity ที่มีความเป็นไทยลงไป แต่เราไม่อยากใส่ช้าง ใส่ลายไทย หรือ element แบบไทยๆ เราเลยใช้ความเป็นไทยในมุมเขตร้อนชื้นมากกว่า เพราะฉะนั้น ORYM เลยโฟกัสกับการทำเสื้อผ้า สำหรับหน้าร้อนเท่านั้น เป็นเสื้อผ้าที่ใส่ออกกำลังกายได้ แต่ก็ใส่เดินถนน ไปสยาม ไปเดตกับแฟนได้ในชีวิตประจำวัน

 

ทุกวันนี้ เสื้อผ้าออกกำลังกายมันยืดหยุ่นมาก คนไม่ได้มองว่ามันคือชุดไว้แค่เข้ายิมอย่างเดียวอีกแล้ว ทุกอย่างมิกซ์และเบลนด์กันหมด นี่แหละคือการมองเสื้อผ้าในยุคนี้ของผม ควรเป็นอะไรก็ได้ที่ง่าย ใส่สบาย และเหมาะกับบ้านเราที่โคตรร้อน ผ้ากีฬา มีรูระบายอากาศ แห้งเร็ว เป็นโพลีเอสเตอร์ที่เหมาะกับเมืองไทยมากๆ เพราะฉะนั้น ORYM เลยลงล็อกกับคำว่า ‘Tropical Monsoon Active Lifestyle’ เป็นเสื้อผ้า Activewear ที่มีความเป็นเสื้อผ้าเขตร้อนชื้นแฝงอยู่ในดีไซน์ด้วย

 

ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น

 

ทำไมถึงเลือกโฟกัส ‘เสื้อผ้าเขตร้อน’ เป็นหลัก?

 

บู้ Slur: สำหรับผมที่อยู่ในวงการมาแค่ปีเดียว เสื้อผ้าแต่ละแบรนด์ก็จะมีคอลเลคชั่นตามฤดูกาลของเขา ถ้าหน้าร้อน เราซื้อได้ ลองได้ แต่พอเป็นพวกเสื้อผ้าหน้าหนาวจริงๆ บางทีมันไม่ได้เลย หนาเกินไป หรือดีไซน์มาเพื่อวิ่งในอากาศหนาว ซึ่งไม่ตรงกับเมืองไทย 

 

ผมเลยรู้สึกว่า ถ้าเรามีช็อปของเราเอง เวลาเดินเข้าไป จะไม่เจออะไรที่เป็นของหนาๆ เลย จะเจอแต่ของที่ พลิ้ว บาง แห้งเร็ว เลเยอร์น้อยๆ ทั้งหมด align กับอากาศบ้านเราซึ่งทั้งหมดนี้คือคาแรคเตอร์ของ ORYM

 

เฟียต: ผมมองคำว่า ‘Tropical’ เป็นสองมิติ มิติแรกคือ เทคโนโลยีและ material เรามีพาร์ตเนอร์ที่เลือกใช้เทคโนโลยีผ้าและวัสดุที่ตอบโจทย์อากาศร้อนชื้น เน้นเรื่องระบายอากาศ แห้งไว ซึ่งเป็นฟังก์ชันพื้นฐานของ activewear สำหรับโซนนี้อยู่แล้ว

อีกมิติคือ วิธีเล่าเรื่องและภาพลักษณ์ ไม่ใช่แค่ตัวโปรดักส์ แต่รวมไปถึงกราฟิก เทคนิค การเย็บ ดีไซน์ การจัดดิสเพลย์ ภาพรวมของแบรนด์ ต้องสื่อความเป็น Tropical Monsoon ออกมาให้ได้ทั้งหมด

 

ถ้านิยามเสื้อ ORYM ด้วย 3 คำ จะเป็นอะไร?

 

บู้ Slur: เรามี 3 คำที่เป็น key ของเสื้อผ้า ORYM อยู่แล้ว คำแรกคือ Timeless เราอินสไปร์จากเสื้อผ้าคลาสสิกยุค 60–70–80 ที่ผ่านกาลเวลามานาน และยังอยู่ในแฟชั่นได้ คนยังยอมรับได้ เสื้อวินเทจพิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่าอยู่รอด เราก็เลยดึงตรงนี้มา 

 

คำต่อมาคือ Expressive ต้องนำเสนอความเป็นตัวตนแบบจัดเต็ม ทั้งผ้าแปลกๆ เทคนิคสกรีน ต้องผ่านการใช้งานจนเกิดเท็กซ์เจอร์แบบหนึ่ง อย่างที่เราทำสกรีนแบบ ‘สกรีนเบี้ยว’ ไม่มีความสมมาตรซ้ายขวาเหมือนเสื้อที่ผ่านการซักมานาน การเย็บป้ายก็จะไม่เนี๊ยบแบบโรงงานจ๋าๆ แต่ยังมีความคราฟต์แบบเย็บมือ มีแผลบออกมาทะลุขอบกางเกงบ้าง มีดีเทลประหลาดๆ แอบอยู่ข้างใน เหมือนเอาเสื้อผ้ามาเป็นที่ละเลงงานศิลปะ

 

อันสุดท้าย คือ Versatile เราไม่ได้คิดว่าเสื้อผ้าโอลิมคือแค่ชุดออกกำลังกาย ใครจะใส่เข้ายิม ใส่วิ่ง ใส่ไปเล่นเทนนิส ไปงานคอนเสิร์ต ไปเดินพารากอนก็ได้หมด ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้ไม่แปลกแล้วที่เห็นคนใส่ชุดออกกำลังกายเดินห้าง ทุกคนกล้าแสดงออกมากขึ้น เราอยากให้เสื้อเราไปอยู่ในชีวิตประจำวันของคนด้วย เรามีแท็กไลน์ว่า ‘Sweat Paint Motion Creative’ เพราะเราเชื่อว่าเวลาเราออกกำลังกาย เหงื่อที่หยดลงบนเสื้อ มันเหมือนการละเลงงานศิลปะบนแคนวาสที่ชื่อว่า ‘เสื้อ’  โลโก้ของ ORYM เลยเป็นรูป abstract ที่บางคนมองว่าเป็นพระอาทิตย์ บางคนเห็นเป็นดาวกระจาย หรือรูกระสุนปืน แต่สำหรับเรา จริงๆ มันคือ ‘หยดเหงื่อ’

 

ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น

 

เสื้อผ้า ORYM  มีดีไซน์ที่ดูเลอะ เขอะ เหมือนผ้าขี้ริ้ว ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นเลยหรือเปล่า

 

บู้ Slur: ใช่ครับ หลายๆ ตัวจะเหมือนผ้าขี้ริ้ว หรือเหมือนเสื้อคอตตอนที่ใช้มานานจนเฟด ด่าง มีรอยขาด มีคาบสี ดูไม่สมบูรณ์ในแบบเหมือนเสื้อคอตตอนวินเทจ แต่สิ่งที่เราทำไม่ใช่เอาผ้าเก่ามาทำ แต่เอาเซนส์ของเสื้อผ้าวินเทจพวกนั้นมาลงบนผ้าออกกำลังกาย อย่างโพลีเอสเตอร์แทน เลยกลายเป็นเสื้อผ้าออกกำลังกายที่ดูประหลาดๆ บ้าบอหน่อยในแบบที่ผมชอบ

 

เราใช้ประสบการณ์จากการทำเสื้อผ้าสองแบรนด์ก่อนหน้า จากการสะสมเสื้อผ้าเก่า เสื้อผ้าวินเทจ แล้วเอา know-how ตรงนั้นมาปรับประยุกต์กับผ้าออกกำลังกาย เลยออกมาเป็นคาแรคเตอร์แบบ ORYM

 

ตอนออกแบบ คิดถึงอะไรก่อนระหว่างดีไซน์กับฟังก์ชัน

 

บู้ Slur: ในฐานะคนออกแบบผมต้องนึกถึงดีไซน์ก่อน เพราะผมกำลังขาย ‘aesthetic’ ของเทรนด์วัยรุ่นตอนนี้ ผมจะคิดเลยว่า “เฮ้ย อันนี้แม่งโดนว่ะ เราชอบว่ะ คิดว่าน่าจะขายได้” ความสวยงามจะมาเป็นอันดับหนึ่ง

 

ส่วนเรื่องฟังก์ชัน ผมให้สองคนนี้ (อ๋องและเฟียต) ดูว่าใช้งานได้จริงไหม ผ้าเบาพอหรือเปล่า ระบายเหงื่อดีไหม แห้งเร็วไหม ซักแล้วเป็นยังไง ต้องเทสต์ทั้งซักมือ ซักเครื่องหลายรอบมาก

 

ผมไม่เคยทำเสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน ปกติทำเสื้อคอตตอน จบง่ายกว่านี้เยอะ แต่พอมาทำ Activewear มันต้องละเอียดเรื่อง sizing เรื่องจุดที่คัน จุดที่ติด การตัดเย็บที่มีผลกับการวิ่ง มันเลยใช้เวลา develop นานกว่าที่ผมเคยทำเสื้อแฟชั่นเยอะมากครับ

 

เฟียต: พูดง่ายๆ คือเราสู้รบตบตีกันพอสมควร ระหว่าง R&D ฝั่งฟังก์ชัน กับฝั่งดีไซน์ บางทีผ้าโอเคแล้ว แต่คัตติ้งใช้ไม่ได้ ต้องแก้ บางดีไซน์ต้องเทสต์เรื่องกราฟิกจริงๆ ว่าวิ่งแล้วรู้สึกยังไง ฯลฯ

 

จากไอเดียตั้งต้นจนออกของจริง ใช้เวลากี่เดือน?

 

เฟิร์ส: ทั้งหมดที่เห็นตอนนี้มี 11 SKU เราใช้เวลาพัฒนารวมผลิตประมาณ 9 เดือน กินไปเกือบ 3 คิว เพื่อให้ทันวันเปิดตัววันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น

 

ORYM ต่างจากแบรนด์ออกกำลังกายอื่นตรงไหน โดยเฉพาะเรื่องฟิตติ้ง?

 

บู้ Slur: ผมเป็นคนนึงที่พูดตรงๆ ว่า ไม่ได้ใส่แบรนด์ไทยเยอะ ผมใส่ global brand ซะส่วนใหญ่ แล้ว pain point ใหญ่ของผมคือ ‘fitting’ ผมรู้สึกว่าคนเอเชียเรา ไม่ได้ลำตัวยาวขนาดนั้น แต่เสื้อหลายแบรนด์ โดยเฉพาะสายยุโรป ช่วงตัวจะยาวมาก แล้วบางคนไม่ได้อยากใส่เสื้อทับในตลอดเวลา บางทีอยากใส่ปล่อยๆ ชิลๆ

 

ORYM เลยแก้ตรงนี้ด้วยการทำเสื้อที่ตัวสั้นกว่าปกติ ใส่แล้วไม่ต้องทัคอิน รู้สึกโปร่ง สบาย อีกอย่างคือทรงบ็อกซี่ของเรา มีความกว้าง เวลาใส่วิ่งมันจะพริ้วไปกับตัว ไม่ใช่เสื้อที่ลำตัวยาวแล้วด้านข้างแคบแบบบางแบรนด์ ซึ่งผมไม่ชอบเลย

 

พอลองเองจริงๆ ผมรู้สึกว่าโอลิมเหมาะกับอากาศบ้านเรา ใส่สบายจริงๆ

 

การข้ามจากเสื้อผ้าแฟชั่นมาทำ Activewear ยากไหม?

 

บู้ Slur: สำหรับผมมันเหมือนเจอโลกใหม่ ผมทำเสื้อผ้าฟูลแฟชั่น วินเทจ สตรีตแวร์มา 10 ปี เล่นแมททีเรียลเดิมๆ อย่างคอตตอน เดนิม พอมาออกกำลังกายแล้วรู้ว่าผ้าเหล่านี้พิมพ์ลายได้ แล้วพอพิมพ์ได้ โลกมันเปิดเลย เราเอาอะไรแปลกๆ ลงไปได้เยอะมาก

 

แต่ผมก็รู้ตัวว่า ผมอยากโฟกัสแค่บทบาท Creative Director ผมไม่อยากลงไปจับ production หนักๆ อยากดูภาพรวมว่าในวงการออกกำลังกายบ้านเราว่ามีช่องว่าง ตรงไหนที่เราจะไปยืนได้ ถ้าไม่มีช่อง ผมจะไม่ทำเลย

 

พอวันนึงเห็นชัดว่ามันยังมี room สำหรับ แบรนด์ Activewear เขตร้อนชื้น ที่มีคาแรกเตอร์แบบ ORYM เราก็เลยไปต่อเต็มที่

 

หลังเปิดตัวแล้ว คาดหวังอะไรกับแบรนด์?

 

บู้ Slur: สำหรับผมนะ ขอแค่ไปต่อได้ก็บุญแล้ว ผมใหม่มากในวงการนี้ ไม่รู้เลยว่าเขาเล่นอะไรกันยังไง เพราะผมไม่ใช่คอนซูมเมอร์เต็มร้อย ผมเป็น KOL ที่แบรนด์ส่งเสื้อมาให้ลองใส่เยอะมาก ผมแทบไม่ได้ซื้อเองเลย ก็เลยไม่รู้พฤติกรรมตลาดจริงๆ

 

ผมคิดอย่างเดียวว่า “ถ้าทำออกมาแล้วมีคนที่รู้สึกคล้ายเรา แล้วมาเลือกใส่เสื้อ ORYM” แค่นั้นผมก็โอเคแล้ว

 

เฟียต: ถ้าพูดแบบชัดๆ หน่อย เป้าหมายปีนี้ของผมคือทุนคืนใน Q4 ภายใน 2 เดือนสุดท้ายของปี (พ.ย.–ธ.ค.) เพื่อให้เรามีเงินกลับไปผลิตคอลเลกชันต่อไปของปีหน้าได้อย่างสบายใจ ในภาพระยะยาว ถ้ามันไปได้ มี potential ที่จะไปถึงระดับ global brand เพราะจุดยืนเรื่องเขตร้อนชื้นของเราชัดมาก และไม่ได้มีแบรนด์ใหญ่ที่อยู่บนเส้นนี้จริงๆ

 

ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น

 

ก่อนหน้านี้ คุณบอกว่าอยากสร้าง ORYM ให้กลายเป็นคัลท์ คนหรือกลุ่มคนแบบไหนที่เรียกว่า ‘ORYMer’

 

บู้ Slur: โอลิมเมอร์ต้องเป็นคนที่ชอบความแตกต่าง และเป็น ‘คนเล่น’ คำว่านี่ถ้าเป็นคนเล่นจะรู้กันเอง คือคนที่ดูเสื้อแล้วเห็นตะเข็บเดียว เห็นสกรีนเบี้ยว เห็นเทคนิคแปลกๆ แล้วเข้าใจเลยว่า “อ๋อ แบรนด์นี้เล่นแบบนี้นะ” มันคือคนที่อินกับดีเทลเล็กๆ พวกนี้ และสนุกกับมันครับ

 

ขอ 3 คำสั้นๆ ให้ ORYM

 

บู้ Slur: ต่าง เขรอะ ขลัง คำว่า ‘ต่าง’ โอลิมเมอร์ต้องเป็นคนที่ชอบความแตกต่าง เข้าใจดีเทลแปลกๆ เช่น ตะเข็บเดียว สกรีนเบี้ยว ป้ายเย็บมือ ฯลฯ 

 

เขรอะ เรามีคำว่า ‘Sweat Paint’ อยู่ในดีเอ็นเอ เรามองว่าตำหนิคือตำนาน เสื้อผ้าใหม่ๆ สำหรับผมไม่สวย มันต้องแตก ต้องเบี้ยว ต้องเน่า ต้องเยินหน่อย เวลาเห็นคนวิ่งผ่านที่สวน แล้วเสื้อเน่าๆ รองเท้ายับๆ สำหรับผมมันคือความสวยงามที่เล่าเรื่องได้

 

ขลัง เราอยากให้เสื้อผ้าเรา อยู่ได้นาน ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีก็ยังหยิบมาใส่ได้ ไม่ได้เทรนด์จัดเกินไปจนล้าสมัยเร็ว

 

ถ้ายังไม่วิ่ง แต่อยากใส่ ORYM แค่ในชีวิตประจำวันอย่างเดียวได้ไหม?

 

บู้ Slur: สำหรับผม การใส่เสื้อ ORYM เฉยๆ โดยไม่วิ่งก็เท่แล้วนะ แต่ถ้าออกไปวิ่งด้วยจะเท่แบบสมบูรณ์ (หัวเราะ) เพราะเราออกแบบให้เป็นเสื้อผ้าที่ครบจบในตัวเดียว ใส่ไปคอนเสิร์ตได้ ใส่เดินห้างได้ แล้วเย็นๆ ก็วิ่งต่อได้เลย

 

เฟียต: ผมจะมองเป็นเซกเมนต์ตั้งแต่ คนที่ไม่ออกกำลังกายเลย ไปจนถึงคนที่เริ่มอยากออกกำลังกาย เราไม่ได้โฟกัสแค่กลุ่ม elite นักวิ่งเร็วๆ หรือสายแข่งขันอย่างเดียว ผมว่าการที่ใครสักคนใส่เสื้อที่มีคำว่า Run หรือฟีลแบบแอคทีฟ เหมือนเปิดประตูบานแรกให้ตัวเองแล้วว่าวันนึง “กูน่าจะลองออกไปวิ่งดูสักหน่อย” คำที่ผมใช้กับทุกคนคือ ‘ค่อยๆ ไป’ ทั้งการพัฒนาโปรดักต์ที่ใช้เวลา 10 เดือน และการออกกำลังกายของคนใส่ เราไม่คาดหวังให้ใครมาวิ่งมาราธอนตั้งแต่วันแรก แค่ค่อยๆ เปิดใจไปทีละนิดพอครับ 

 

การวิ่งเปลี่ยนชีวิตพวกคุณยังไงบ้าง?

 

บู้ Slur: ผมเพิ่งมาเจอการวิ่งจริงๆ เมื่อปีที่แล้ว แล้วรู้สึกว่า มันช่วยทุกเรื่องในชีวิตเลย ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และความคิดสร้างสรรค์ ผมลองเปรียบเทียบตัวเองเวลาตื่นมาทำงานเลย กับตื่นมาวิ่งก่อนแล้วค่อยไปทำงาน ผมรู้สึกว่าหลังวิ่งเสร็จ ผมโปรดักทีฟกว่าเยอะมาก อีกอย่างคือผมชอบ energy ของคนวงการวิ่ง คนส่วนใหญ่ positive มาก นิสัยดี น่ารัก ผมอยู่แค่ปีเดียวแต่รู้สึกว่านี่คือวงการที่เปิดประตูมิติใหม่ให้ผมเลย ไม่ต้องวิ่งเก่ง ไม่ต้องวิ่งเร็ว แค่มาเริ่มวิ่งก็มีข้อดีรออยู่แน่ๆ เพราะฉะนั้น ต่อให้คุณไม่ซื้อ ORYM ก็ได้ ลืมแบรนด์ไปเลยก็ได้ แต่ผมอยากชวนให้ลองเริ่มวิ่งก่อน ผมมั่นใจว่าคุณจะเจออะไรดีๆ บางอย่างในชีวิตแน่ๆ

 

เฟียต: ผมเริ่มวิ่งจริงจังช่วงโควิด เพราะไม่มีอะไรทำ (หัวเราะ) แล้วก็ชวนอ๋อง (อีกพาร์ตเนอร์) ที่วิ่งมานานแล้ว เขาเคยบนไว้ว่า ถ้าสอบติดมหาลัยจะวิ่งรอบสนาม 80 รอบ แล้วก็วิ่งต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ สำหรับผม การวิ่งทำให้ผมได้เพื่อนใหม่ชื่อว่า ‘วินัย’ ถ้าเราจัดสรรเวลาให้การออกกำลังกายได้ แปลว่าเราสามารถจัดการเวลาให้เรื่องอื่นในชีวิตได้เหมือนกัน ผมว่าคนที่ยอมตื่นเช้าวันเสาร์–อาทิตย์ ลุกจากเตียงมาใส่รองเท้าไปวิ่ง ทั้งที่ควรจะได้นอนเป็นคนพิเศษในแบบหนึ่งเลยนะ

 

ORYM และเสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศร้อนชื้น

 

สุดท้าย อยากฝากอะไรถึงคนที่ยังไม่วิ่ง แต่รู้จัก ORYM 

 

บู้ Slur: อย่างน้อยที่สุด ถ้าคุณยังไม่อินกับการตื่นมาวิ่ง ผมอยากชวนให้ลองไปเดินเล่นที่สวนตอนเช้าวันอาทิตย์สักวันเดียวก่อน คุณจะเห็นเลยว่านี่คือแหล่งรวมความสวยงามของทั้งทิวทัศน์และคนวิ่ง ทุกวันนี้ที่ผมไปสวนวันเสาร์–อาทิตย์ แล้วเห็นลานจอดรถแน่นยิ่งกว่าพารากอน ผมดีใจมากนะ มันแปลว่าคนสนใจการดูแลตัวเองกันมากขึ้น พลังงานดีๆ มันส่งต่อกันไปเรื่อยๆ

 

สำหรับผม ORYM แค่เป็นหนึ่งในแคนวาส ให้ทุกคนเอาเหงื่อ เลอะดิน เลอะน้ำกระเด็น หรือคราบก๋วยเตี๋ยว หยดใส่ แล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเรื่องราวของตัวเอง การที่เสื้อ ‘เขรอะ’ เหมือนผ่านสมรภูมิมา มันไม่ใช่ข้อเสีย แต่มันคือเรื่องราวและตำนานของคนใส่ครับ

 

สำหรับใครที่สนใจ ซื้อเสื้อผ้า ORYM สามารถเข้าไปดูสินค้าจริงได้ที่ร้าน CARNIVAL ชั้น 3 Central World หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ผ่าน Shopee และ Lazada ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.instagram.com/orym.official 

 

ภาพ: ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ, ORYM

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising