วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เรื่องสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ ที่ประสบปัญหาอุทกภัยว่า ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ปัจจุบันโอเปอเรเตอร์กำลังเร่งขับเคลื่อนอุปกรณ์และจัดเตรียมสัญญาณ เพราะในพื้นที่ต้องปิดระบบไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของประชาชน รถที่เป็นสัญญาณเคลื่อนที่ที่ส่งไปก็ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ยังมีข้อจำกัดอยู่ สิ่งที่พอจะทำได้ คือ อุปกรณ์ที่เป็นดาวเทียม มีรัศมีอยู่ที่ 50 เมตร แต่ทั้งหมดได้สั่งการในพื้นที่แล้ว
“พยายามทำอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ปริมาณน้ำอย่างสูงแบบนี้ เรายังไม่สามารถเข้าไปถึงจุดได้แล้ว ตราบใดที่ยังไม่สามารถส่งไฟฟ้าเข้าไป ก็ยากที่จะจัดเตรียมสัญญาณ”
ส่วนได้รวบรวมสัญญาณไว้หรือไม่ ว่ามีคนอยู่ในจุดใดบ้าง ไชยชนก ระบุว่า ตอนนี้กำลังให้วิเคราะห์อยู่ แต่จริงๆ แทบจะไม่มีข้อมูลเลย ปัญหาที่ตามมาไม่ใช่แค่เรื่องสัญญาณ เมื่อไฟฟ้าไปไม่ถึง ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ก็ไม่สามารถชาร์จโทรศัพท์ได้ ไม่สามารถใช้อุปกรณ์ตัวเองได้ ตอนนี้อยู่ในกระบวนการที่ให้หน่วยงาน เร่งนำอุปกรณ์ชาร์จที่ใช้โซลาร์เซลล์ไปให้มากที่สุด ยอมรับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ทำได้เท่านี้จริงๆ และกำลังเร่งหาวิธีอยู่
ขณะที่ มีคนร้องขอความช่วยเหลือบนโซเชียลมีเดีย มีการมอนิเตอร์เชิงรุกหรือไม่ ไชยชนก กล่าวว่า ตนเชื่อว่า นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ และเป็นประเด็นที่คงจะมีการพูดคุยในการประชุมวันนี้ ยืนยันว่ากำลังทำอย่างเต็มที่กับสถานการณ์ที่เกิด
ส่วนกรมอุตุนิยมวิทยามีการแจ้งเตือนเฝ้าระวังเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ ไชยชนก กล่าวว่า แจ้งมาตลอด โดยได้แจ้งกับสื่อมวลชนหลายที่ว่าช่วงปลายปีจะหนักในพื้นที่ภาคใต้ และมีโอกาสที่จะยาวไปจนถึงต้นปี หนักกว่าที่เคยเจอมา แต่ยังคาดการณ์ 100% ไม่ได้ว่าผลกระทบที่จะทำให้หนักมากหรือไม่ เพราะมีหลายปัจจัย
ไชยชนกกล่าวอีกว่า ตอนนี้มีประกาศออกมาจาก COP 30 เรื่องโลกร้อน ว่าจะหนักขึ้น น้ำแข็งละลายเร็วเป็นพิเศษ ทำให้น้ำทะเลหนุนขึ้น รวมกับพายุต่างๆ ที่เข้ามาเราคาดการณ์ 100% ไม่ได้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและจะแจ้งเป็นระยะ แต่จะประมาณการได้หรือไม่นั้น ต้องติดตาม
ส่วน 2-3 วันนี้ ประเมินสถานการณ์ไว้ว่าอย่างไรบ้างนั้น ไชยชนก กล่าวว่า ขอไปวิเคราะห์อีกครั้ง แล้วแชร์อีกที ไม่กล้าฟันธง
ส่วนสัญญาณเตือนภัยรอบนี้อาจมีการเตือนบ้าง แต่อาจจะยังไม่ครอบคลุม และอาจจะไม่ได้ผลในเรื่องของการอพยพ ไชยชนก กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจการตัดสินใจของฝั่ง ปภ. แต่ในเรื่องของการแจ้งเตือนการใช้ Cell Broadcast มีปัญหาหนึ่งที่เราพยายามแก้ไข ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโทรศัพท์มือถือรับการแจ้งเตือนได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการสั่งการและดำเนินการเซ็ตระบบ ทั้งระบบกึ่งแมนนวล กึ่งอนาล็อก ว่าหากมีการแจ้งเตือนผ่าน ปภ. ควรมีการกระจายลงไปในท้องถิ่นด้วย แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเกินความคาดหมาย ยังไงก็ต้องมีผลกระทบ
สำหรับการประสานช่วยเหลือสำหรับกลุ่มผู้ป่วยและกลุ่มเปราะบาง ไชยชนก กล่าวว่า มีโปรเจกต์หนึ่ง ที่ตนเองขับเคลื่อนร่วมกับ DGA เป็นการรวบรวมฐานข้อมูล ระหว่างหลายๆ ที่ที่มีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ มีตรงไหนที่เสี่ยงต่อน้ำท่วม จริงๆ ตั้งใจทำเพื่อการเยียวยาอย่างแม่นยำ ซึ่งต้องมีการประชุมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อใช้ข้อมูลเหล่านี้


