×

Mindset นักสู้ลูกหนังแบบเอเรเบชี เอเซ จากเด็กที่ถูกปฏิเสธ สู่ผู้ชนะในเกมชีวิต

24.11.2025
  • LOADING...
Mindset นักสู้ลูกหนังแบบ เอเรเบชี เอเซ จากเด็กที่ถูกปฏิเสธ สู่ผู้ชนะในเกมชีวิต

“ใครนะ?”

 

โธมัส แฟรงค์ ถามกลับผู้สื่อข่าวในระหว่างการแถลงข่าวก่อนเกมนอร์ธลอนดอน ดาร์บี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากโดนถามเกี่ยวกับเรื่องของเอเรเบชี เอเซ สตาร์อาร์เซนอล ทีมคู่ปรับร่วมเมืองที่จะต้องเจอกัน

 

ก่อนที่จอมเทคนิคกันเนอร์สจะฝากคำตอบกลับให้โค้ชชาวเดนมาร์กด้วยผลงานมหัศจรรย์ทำ “แฮตทริก” กดคนเดียว 3 ประตูให้อาร์เซนอล ไล่ต้อนท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ได้อย่างสบายเท้า 4-1 ในเกมที่เป็น Statement ครั้งสำคัญว่าพวกเขาจะขอเดินหน้าต่อสู่การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้

 

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ชีวิตของเอเซ ผ่านเรื่องราวมาไม่น้อย หลายคนอาจจะพอรู้ว่าครั้งหนึ่งเขาเองก็เคยโดนทีมอย่างอาร์เซนอลปฏิเสธมาก่อน และไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย

 

เอเซจัดการกับ Mindset ตัวเองอย่างไรถึงสามารถก้าวมาอยู่จุดนี้ได้?

 

Mindset นักสู้ลูกหนังแบบ เอเรเบชี เอเซ จากเด็กที่ถูกปฏิเสธ สู่ผู้ชนะในเกมชีวิต 1

 

สำหรับ เอเรเบชี เอเซ ในวัย 27 ปี เกม ‘NLD’ (นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี) เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เอมิเรตส์ สเตเดียม คือหนึ่งในวันและคืนที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ไม่เพียงเพราะอาร์เซนอลเป็นฝ่ายกำชัยชนะเหนือสเปอร์สและเดินหน้าไปสู่การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกในรอบ 21 ปีของสโมสร แต่เขายังระเบิดผลงานได้อย่างสุดอลังการ ทำแฮตทริกได้สำเร็จ ซึ่งเป็นนักเตะคนแรกนับตั้งแต่ปี 1978 ที่ยิงนัดเดียว 3 ประตูในเกมดาร์บี้สุดเดือดของลอนดอนตอนเหนือ

 

ที่สำคัญที่สุดมันคือ ‘ความฝัน’ สำหรับเขาที่รอคอยมาอย่างยาวนานเหลือเกิน

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 14 ปีที่แล้ว เอเซในวัย 13 ปีเคยถูกอาร์เซนอล ปล่อยตัวออกจากอะคาเดมี่ของสโมสร เพราะเขาดีไม่พอ

 

“ตอนที่ผมถูกปล่อยตัวจากอาร์เซนอล มันเหมือนกับว่าส่วนหนึ่งในตัวตนของผมได้หายไปด้วย คนที่ผมเคยคิดว่าผมเป็น”

 

หลังจากนั้นเขายังถูก ‘ปฏิเสธ’ จากสโมสรอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็น ฟูแลม (ถูกปล่อยตัวหลังอยู่กับสโมสร 2 ปีครึ่ง), เรดดิง (เข้ารับการทดสอบฝีเท้าแต่ไม่ผ่าน) และมิลล์วอลล์ ได้ทุนเป็นนักเตะของสโมสรแต่ถูกปล่อยตัวหลังอยู่ครบ 2 ปี

 

สำหรับบางคนมันเป็นเรื่องง่ายที่จะถอดใจและหันไปเลือกเส้นทางอื่นที่อาจจะไม่ได้เป็นเส้นทางในความฝันแต่อย่างน้อยก็ยังได้เดินหน้าต่อไปและเก็บทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำ

 

แต่สำหรับเอเซ เขาไม่คิดที่จะยอมแพ้ และพยายามจนทำได้สำเร็จ

 

จากควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส, ไปวีคอมบ์ วันเดอเรอร์ส แบบยืมตัว ก่อนจะแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับคริสตัล พาเลซ

 

ก่อนที่ประตูความฝันจะเปิดและพาเขากลับมาที่อาร์เซนอลอีกครั้งโดยไม่มีอะไรต้องลังเลใจอีก

 

แต่ในเรื่องราวที่เหมือนเทพนิยายหรือมังงะโชเน็นดีๆ สักเรื่อง ในเบื้องลึกแล้วมันไม่ง่ายเลย ซึ่งสิ่งที่ทำให้เอเซ สามารถมาถึงจุดนี้ได้นั้นตามถ้อยคำและความรู้สึกของเขาแล้วมีอยู่ 2 อย่างด้วยกันที่เป็นแรงขับเคลื่อน (Drive) ที่สำคัญของใจ

 

1. ความรัก (Love)

 

ความรักของเอเซ ไม่ได้หมายถึงความรักแบบหนุ่มสาวหรือมิตรภาพระหว่างเพื่อนและครอบครัว แต่เป็นความรักที่มีต่อเกมฟุตบอล

 

เพราะเขารักเกมฟุตบอลมากเกินกว่าจะทิ้งไว้ข้างหลัง นั่นทำให้เด็กหนุ่มลอนดอนเนอร์แท้ๆคนนี้ไม่เคยยอมแพ้เลยไม่ว่าจะต้องพบกับอุปสรรคมากมายสักแค่ไหนก็ตาม

 

2. ความศรัทธา (Faith)

 

เอเซ เป็นคริสเตียนที่มีความศรัทธาในพระเจ้าอย่างสูงสุด เขาเชื่อว่าพระเจ้าได้มอบบางสิ่งบางอย่างมาให้กับเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องทำให้ได้ ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีทางไหนอีก นี่คือเส้นทางที่เขาถูกกำหนดมาให้ก้าวเดินต่อไป

 

ในช่วงวัย 11-13 ปีที่เขาต้องเจ็บปวดจากการโดนปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขายังเชื่อว่าเขาจะได้เป็นนักฟุตบอลจริงๆ ในสักวัน ต่อให้ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรก็ตาม

 

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากนี้เอเซ ยังได้เรียนรู้อีกหลายสิ่งหลายอย่างที่พอจะถอดรหัสมาแบ่งปันกันได้ดังนี้

 

Mindset นักสู้ลูกหนังแบบ เอเรเบชี เอเซ จากเด็กที่ถูกปฏิเสธ สู่ผู้ชนะในเกมชีวิต 2

 

3. ครอบครัวคือใบชุบ

 

ในวันที่ผิดหวังซึ่งเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน สิ่งที่เอเซทำคือการหันกลับมาหาครอบครัวและคนที่เขารัก

 

คนเหล่านี้จะมอบพลังและความเข้มแข็ง ทำให้เขาสามารถก้าวผ่านอุปสรรคและช่วงเวลาที่ยากลำบากได้เสมอ

 

“การใช้เวลาร่วมกับครอบครัวสำหรับผมคือเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการจะพาตัวเองออกจากโลกฟุตบอล มันเป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้ใช้ชีวิตแบบปกติที่สุด และผมก็จะพยายามมีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

 

เอเซ รักการแบ่งปันเรื่องราวความรู้สึกของเขากับครอบครัวและคนที่รัก และเชื่อว่าการปลดปล่อยความคิดและความรู้สึกออกมาจะมีส่วนช่วยให้เดินต่อไปข้างหน้าได้

 

4. มีความสุขกับทุกสิ่ง

 

การเป็นแฮตทริกฮีโร่ในเกม NLD เป็นแค่ภาพสวยงามที่อยู่เบื้องหน้า แต่ในเบื้องหลังนั้นต้องผ่านความพยายามทุ่มเทมากมาย โดยเฉพาะการฝึกซ้อมที่เป็นรากฐานสำคัญของนักฟุตบอล

 

โชคดีของเอเซที่นอกจากจะเป็นนักฟุตบอลที่มีความมานะพยายาม เขายังรู้สึกสนุกไปกับทุกอย่างในการเป็นนักฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นการตื่นเช้ามาซ้อม การเดินทางไปแข่งขัน

 

“ผมมีความสุขกับทุกช่วงเวลาที่ผมมี ไม่ว่าจะเป็นในการซ้อม ในเกมแข่งขัน หรือตอนไหนก็ตาม”

 

5. หัวเย็นเพราะแพ้เป็น

 

ฟุตบอลเป็นเกมกีฬาย่อมมีทั้งวันที่ชนะและแพ้ วันที่ชนะ (เหมือนเมื่อคืนนี้) ก็ดีไป แต่ถ้าวันไหนที่ผิดหวัง สิ่งแรกที่ต้องจัดการให้ได้คือความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งมันไม่ง่ายเหมือนพูด

 

แต่เอเซ เรียนรู้ว่าเขาต้องผ่านมันไปให้ได้ การรับมือกับความพ่ายแพ้คือส่วนหนึ่งของงานในารเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

 

ในวงเล็บว่าขั้นต่ำที่สุดของเขาคืออย่างน้อยต้องได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมจนขาหมดแรง หรือทุ่มเทในแมตช์จริงจนหยดสุดท้าย

 

“เราต้องพยายามทำสิ่งที่เราต้องทำตลอดเวลา ไม่ว่าผลการแข่งขันมันจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม”

 

Mindset นักสู้ลูกหนังแบบ เอเรเบชี เอเซ จากเด็กที่ถูกปฏิเสธ สู่ผู้ชนะในเกมชีวิต 3

 

6. รับผิดชอบต่อตัวเอง

 

เพราะเขารู้ว่าตัวเองเกิดมาแตกต่างจากคนอื่น มีความเก่งกาจในเชิงของการเล่นฟุตบอล

 

สิ่งที่เอเซทำคือเขาพยายามรับผิดชอบต่อตัวเองด้วยการทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้พรสวรรค์ที่ได้รับมาจากคนบนฟ้าเสียเปล่า

 

เพราะเขารู้ว่าถ้าตัวเองเหลาะแหละเหยาะแหยะ โอกาสที่ได้มานั้นมันพร้อมจะหลุดลอยไปและจะมีคนต่อไปที่พร้อมจะแย่งคว้ามันไป ดังนั้นเขาต้องพยายามทำให้ดีที่สุดทุกครั้งเพื่อจะคว้าโอกาสนั้นให้ได้

 

“ผมมีความรับผิดชอบต่อตัวเองที่จะต้องพยายามทำให้พรสวรรค์ที่ผมได้รับมาได้ถูกใช้อย่างเต็มที่ที่สุด มันขึ้นอยู่กับตัวผมเองที่จะต้องพยายามทำให้ดีที่สุดทุกวัน”

 

7. รับผิดชอบต่อผู้อื่น

 

แต่เอเซ ไม่ได้คิดแค่การรับผิดชอบต่อตัวเอง การลงสนามในแต่ละนัดไม่ได้หมายถึงการที่เขาและเพื่อนจะต้องพยายามคว้าชัยชนะเพื่อตัวเองเท่านั้น

 

เพราะเขาคิดถึงแฟนๆ ที่เสียเงินไม่น้อยเพื่อมาเชียร์กันอยู่บนอัฒจันทร์ด้วย

 

“มันอาจจะเป็นโอกาสแค่ครั้งเดียวของพวกเขาที่จะได้ดูผมเล่น ไม่ได้หมายความว่าผมวิเศษวิโสมาจากไหน แต่ผมอยากจะให้พวกเขาได้กลับไปโดยรู้สึกว่าผมได้พยายามจะทำอะไรสักอย่างในเกมนั้น เป็นการทำที่มาจากใจของผมจริงๆ”

 

 

 

“I swear imma make it and when I do, they gonna show this tweet”

 

นี่คือข้อความจากทวีตของนักฟุตบอลดาวรุ่งคนหนึ่งเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2015 ในช่วงเวลาที่ผ่านความผิดหวังมาครั้งแล้วครั้งเล่าและมองไม่เห็นว่าเขาจะก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างที่ใฝ่ฝันได้อย่างไร

 

แต่ 10 ปีผ่านมา วันนี้เอเรเบชี เอเซ พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าเขาทำได้จริงและข้อความทวีตเมื่อ 10 ปีที่แล้วก็ได้ถูกนำมาเผยแพร่อีกครั้งจริงๆ

 

ในวันที่ชื่อของเขาได้ถูกกล่าวขาน ไม่ใช่แค่ในฐานะนักฟุตบอลที่เก่งกาจ

 

แต่เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ของใครต่อใครได้อีกมากมายบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแฟนอาร์เซนอล คริสตัล พาเลซ หรือทีมไหนก็ตาม

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising