วันนี้ (21 พฤศจิกายน) ที่อาคารรัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็พร้อมยุบสภาในวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งอาจทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้รับผลกระทบไปด้วย
พริษฐ์ระบุว่า ตนเองเคยพูดไว้ว่า หากนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาเพื่อหลีกหนีการตรวจสอบ หรือปัดความรับผิดชอบเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้รับเหมาที่ทิ้งงานหรือปิดกิจการเพื่อหนีการตรวจสอบ แม้เวลานี้ยังมีการถกเถียงในเชิงข้อกฎหมายอยู่ว่า เมื่อยื่นอภิปรายแล้วจะยุบสภาได้หรือไม่ คิดว่าเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ชัดว่าไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจในการยุบสภาหนีการตรวจสอบ
“แม้จะถกกันว่ากฎหมายตีความอย่างไร ผมคิดว่าในเชิงความรับผิดรับชอบทางการเมือง หากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภา ก็ย่อมไม่ส่งผลดีต่อมุมมองของประชาชนที่มีต่อนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในสนามเลือกตั้งที่จะมาถึง” พริษฐ์กล่าว
พริษฐ์ยังย้ำว่า เงื่อนไขของพรรคประชาชน เรื่องการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้แก่ หากนายกรัฐมนตรีไม่ยุบสภาภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 ก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถือว่าขัดเงื่อนไข MOA และหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เสร็จสิ้นในวาระ 3 ภายในสิ้นปีนี้ เราจะยื่นอภิปราย
นอกเหนือจาก 2 เงื่อนไขข้างต้น หากมีการดำเนินนโยบายอะไรที่เราเห็นว่าสร้างความเสียหายให้ประชาชน เราจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่แน่นอนว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว ซึ่งเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพรรคอื่นที่จะพิจารณายื่นอภิปรายตามมาตรา 151 ด้วยเงื่อนไขของตัวเอง แต่หากเป็นเช่นนั้น เราก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ของเราในสภา
ส่วนหากยุบสภาในวันที่ 12 ธันวาคม โดยที่รัฐธรรมนูญยังแก้ไขไม่เสร็จ จะถือว่าพรรคภูมิใจไทยผิดข้อตกลงกับพรรคประชาชนหรือไม่นั้น พริษฐ์มองว่า ชัดเจนว่า MOA ที่ลงนามกันไว้ มี 2 ประเด็นหลักคือต้องมีการยุบสภาภายใน 31 มกราคม 2569 และการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และหากไม่มี 2 คำถามในการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง ก็ถือว่าผิดเงื่อนไข MOA
“ไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นอย่างไร แต่ขอย้ำจุดยืนเดิมว่าถ้ายุบสภา ก็เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงานหรือปิดกิจการเพื่อหนีการตรวจสอบ แต่ช่วงใกล้เลือกตั้งแบบนี้ก็คงไม่ส่งผลดีแน่นอนต่อตัวนายกรัฐมนตรี” พริษฐ์ระบุ
พริษฐ์ย้ำว่า เงื่อนไขและท่าทีของเราชัดเจนว่าการยื่นอภิปรายฯ เป็นอย่างไร และเราชัดเจนมาตลอดว่าในการลงนาม MOA ตอนนั้น เราตั้งใจให้คนที่เป็นคู่สัญญาของเรา ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นใครก็ตาม มาดำรงสถานะในรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพื่อให้เราสามารถใช้กลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจควบคุมให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญาตามเงื่อนไข MOA การที่เราคงสถานะเป็นฝ่ายค้าน นอกจากจะสอดคล้องกับสิ่งที่เราประกาศมาโดยตลอดว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดสภาฯ ชุดนี้ อีกส่วนก็เพื่อให้เราคงสถานะอิสระในการตรวจสอบรัฐบาล โดยใช้กลไกรัฐสภาในการตรวจสอบ
พริษฐ์ยังกล่าวว่า ภารกิจของทุกพรรคการเมืองตอนนี้ คงไม่ใช่แค่พรรคประชาชนที่อยากเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สิ่งที่เราพยายามทำคือการจูงมือทุกฝ่าย งเพื่อทำให้การผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเร็วที่สุด และเราเข้าใจดีว่าเรื่องนี้จะสำเร็จต้องอาศัยทุกฝ่าย
ทั้งนี้ ควรชะลอการยื่นอภิปรายฯ เพื่อให้เป็นผลดีกับทุกฝ่ายหรือไม่นั้น พริษฐ์กล่าวว่า การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยว่าจะอภิปรายหรือไม่ ยื่นใคร ยื่นเมื่อไร ก็เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็เคารพสิทธิ


