วันนี้ (20 พฤศจิกายน) น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม เปิดเผยถึงความพร้อมการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส. พรรคกล้าธรรม ว่า พรรคจะเริ่มทยอยเปิดตัวผู้สมัครในเดือนธันวาคมนี้ ยืนยันว่าจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต
ส่วนจะมียุทธศาสตร์ใดเพื่อให้พรรคได้จำนวน สส. มากที่สุด น.อ. อนุดิษฐ์กล่าวว่า การทำงานของรัฐมนตรีพรรคกล้าธรรม สะท้อนถึงยุทธศาสตร์ได้ดีที่สุด เพราะว่าผลงานของแต่ละกระทรวง ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นที่ประจักษ์ และเป็นส่วนที่ทำให้พรรคกล้าธรรมมีความมั่นใจในการเสนอนโยบายให้กับประชาชน
น.อ. อนุดิษฐ์กล่าวอีกว่า ในช่วง 1 เดือนเศษจะเห็นว่าสินค้าเกษตรหลายรายการ ราคาเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการเดินหน้าสู่การเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวก็มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ยังไม่รวมถึงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงศึกษาธิการในการปรับโครงสร้างหนี้ครู รวมถึงคุณภาพการศึกษาให้มีความพร้อม
ทั้งนี้ การทำงานของพรรคกล้าธรรมจะเป็นตัวสะท้อนไปถึงพี่น้องประชาชน ซึ่งต้องรอดูผลการเลือกตั้งครั้งหน้า
สำหรับว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคกล้าธรรม น.อ. อนุดิษฐ์กล่าวว่า พรรคกล้าธรรมจะส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามกฎหมาย โดยต้องผ่านที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พิจารณาและคัดสรรบุคคลที่เหมาะสม คุณสมบัติต้องตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ขอให้อดใจรอ ส่วนจะเป็นคนในหรือคนนอกพรรคขอให้รอสักนิด พร้อมปฏิเสธตอบว่า ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 หรือไม่
น.อ. อนุดิษฐ์ยังกล่าวถึงปัญหาที่เข้ามากระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคว่า ทุกวิกฤตมีโอกาส พรรคได้ตอบคำถามของฝ่ายค้านและจากประชาชนด้วยข้อเท็จจริง และต้องมาดูจำนวน สส. ที่จะสะท้อนความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อพรรค
สำหรับกรณี ชนนพัฒน์ นาคสั้ว สส. สงขลา พรรคกล้าธรรม ที่ถูก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์ จะมีโอกาสได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งหรือไม่ น.อ. อนุดิษฐ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง เช่นเดียวกับ สส. คนอื่นที่มีคดีต้องคำพิพากษา คนเหล่านี้ยังทำหน้าที่ สส. ดังนั้น ควรให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินจนกว่าคดีจะถึงที่สุดก่อน พร้อมย้ำว่า ไม่เคยเรียกร้องให้ สส. ที่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีลาออก เพราะถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์
ส่วนการประเมินกระแสยุบสภา และการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านนั้น น.อ. อนุดิษฐ์กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีอำนาจยื่นอภิปรายเพื่อตรวจสอบการทำงานฝ่ายบริหาร ส่วนตัวไม่มีข้อขัดข้อง แต่อยากให้ดูความเหมาะสมเพราะรัฐบาลเข้ามาบริหาร 4 เดือน ก่อนยุบสภา อีกทั้งพรรคประชาชนได้ลงนาม MOA ร่วมกัน จึงควรนำตรงนี้มาพิจารณาด้วยว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งการยื่นอภิปรายไม่ผิด แต่ควรดูว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์กับประชาชนหรือไม่


