วันนี้ (20 พฤศจิกายน) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย กรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรค และ พงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรค เดินทางไปยื่นหลักฐานเส้นทางธุรกรรมการเงินของกระบวนการสแกมเมอร์ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
อภิสิทธิ์เปิดเผยว่า สาเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์นำหลักฐานมายื่นวันนี้ มีอยู่ 2 ประการหลัก คือ ขณะนี้สหรัฐอเมริกาอยู่ในขั้นตอนตรากฏหมายที่มีการระบุชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และหากกฎหมายนี้ผ่านภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน สหรัฐอเมริกาก็สามารถจะเข้ามาดำเนินการได้หลายอย่าง และขณะนี้หลายประเทศมีการดำเนินการเรื่องนี้ไปแล้ว ทั้งในการยึดทรัพย์ จับเครือข่ายอาชญากรรม แต่ประเทศไทยซึ่งขณะนี้ถูกจับตาอยู่ กลับยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆเลย
“พรรคประชาธิปัตย์จึงมีความเป็นห่วงว่า ถ้าปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไป นอกจากมีคำถามในเรื่องของอธิปไตยแล้ว เราเคยเห็นภาพรัฐบาลจีนที่เข้ามากำกับดูแลการปฏิบัติการที่เกี่ยวกับสแกมเมอร์ ที่อยู่บริเวณชายแดนไทย ถ้าเกิดแบบนี้กับสหรัฐอเมริกาอีก ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะเสียหายอย่างมาก เพราะจะกลายเป็นประเทศที่อำนวยความสะดวกหรือมีระบบการเงินต่างๆ รองรับอาชญากรรมเหล่านี้”
เหตุผลอีกประการคือ ปัจจุบันมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากภายใต้คำว่าทุนเทา ซึ่งเข้ามาทำลายเศรษฐกิจ และยังมีการครอบงำทางการเมืองด้วย พรรคประชาธิปัตย์มองว่า เราไม่ต้องการให้ให้ทุนเทาคืบคลานเข้ามาครอบงำการเมือง หรือถ้ามี ก็ต้องเร่งขจัดโดยเร็ว
“วันนี้ที่เรามายื่นเพราะมีความผิดปกติทางธุรกรรม ตามกฎหมาย ปปง. มีเหตุผลเพียงพอที่ ปปง. จะสามารถเริ่มต้นกระบวนการตรวจสอบได้ และสิ่งที่ต้องการให้ ปปง. ทำคือ ใช้ความผิดปกติของธุรกรรมเหล่านี้ ซึ่งมีหลักฐานแล้วนำไปขยายผล เชื่อมโยงไปยังรายชื่อของบุคคลต่างๆ และเพิ่มชื่อบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในตรงจุดนี้ เพื่อนำไปสู่การระงับการทำธุรการ อายัดทรัพย์ และการประสานงานกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) รวมถึงสถาบันการเงินอื่นๆ ให้ค้นหาได้ว่าธุรกรรมที่ผิดปกติ เจ้าของเงินที่ได้ประโยชน์ที่แท้จริงคือใคร แล้วจากนั้นเราเชื่อว่าจะสามารถขยายผลไปยังคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” อภิสิทธิ์กล่าว
อภิสิทธิ์ย้ำว่า เป้าหมายของพรรคไม่ได้เจาะจงไปยังบุคคลใดบุคคลหนึ่งทางการเมือง แต่สิ่งที่ต้องการทำคือเป็นการปรามกระบวนการสแกมเมอร์ และหลังจากนี้จะมีการไปยื่นเรื่องที่ ก.ล.ต. ด้วย และต้องการให้ 2 หน่วยงานนี้ทำงานประสานงานกัน เพราะความผิดในกฎหมายหลักทรัพย์ อาจจะเป็นความผิดมูลฐาน นอกเหนือจากการฉ้อโกงประชาชนการค้ามนุษย์ ซึ่งมีรายงานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้อยู่แล้ว
อภิสิทธิ์ทิ้งท้ายว่า ขอเรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบว่า สิ่งหนึ่งที่จะช่วยพิสูจน์ให้เห็นความจริงได้คือ อย่างน้อยคนที่เกี่ยวโยงถึงขั้นเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของบุคคลที่โลกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการสแกมเมอร์ ไม่สมควรจะมีตำแหน่งทางการเมือง แต่เมื่อรัฐบาลตั้งไปแล้ว ก็ควรจะต้องให้พ้นจากตำแหน่ง
“ไม่ได้เป็นการกล่าวหาว่าทำอะไรผิด แต่ต้องคิดถึงความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศอื่นตรากฎหมายเพื่อเอาผิดกับบุคคลที่โลกสงสัย แต่รัฐบาลไทยกับตั้งบุคคลที่เกี่ยวโยงกับเรื่องนี้ จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีทำสิ่งนี้เป็นสิ่งแรก” อภิสิทธิ์กล่าว
อภิสิทธิ์ยังเผยด้วยว่า ข้อมูลเส้นทางธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอดีตรัฐมนตรี มีทั้งอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ และอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า ที่มีทุนจดทะเบียน 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 330 บาทไทย แต่สามารถซื้อกิจการที่มีมูลค่าสูงกว่าเป็นล้านเท่า คือความผิดปกติ เพราะสุดท้ายแล้วกิจการที่ไปซื้อก็มีความเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ จึงย้ำว่าเราต้องเริ่มต้นจากการปราบปราม เป็นจุดประสงค์หลัก เพียงแต่เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมือง และถ้าหากผิดก็ต้องดำเนินการ








