รายงานประจำปีของคณะกรรมการทบทวนเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ-จีน (US-China Economic and Security Review Commission: USCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งโดย รัฐสภาสหรัฐอเมริกา (Congress) อ้างว่า จีนได้ใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างอินเดียและปากีสถานในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ให้เป็น ‘สนามทดสอบจริง’ สำหรับระบบอาวุธและระบบข่าวกรองที่ทันสมัยของจีน
รายงานระบุว่า จีนได้ใช้ประโยชน์จากความขัดแย้ง เพื่อทดสอบและโฆษณาความซับซ้อนของอาวุธจีน โดยมีเป้าหมายเพื่อ กระตุ้นยอดขายด้านการป้องกันทั่วโลก และบั่นทอนยอดขายอาวุธของชาติตะวันตก โดยการปะทะกันในช่วงวันที่ 7–10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็น ‘การทดลองภาคสนามในโลกจริง’ เนื่องจากเป็น ครั้งแรกที่มีการนำระบบอาวุธสมัยใหม่ของจีนมาใช้ในการสู้รบจริง
ระบบอาวุธที่เปิดตัวในการรบครั้งนั้น ได้แก่ เครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศ HQ-9, ขีปนาวุธนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยไกลเกินระยะสายตา PL-15 รวมถึง เครื่องบินขับไล่ J-10C
การตลาดเชิงรุกและการบิดเบือนข้อมูล
รายงานกล่าวอ้างว่า สถานทูตจีนได้เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของอาวุธจีนในความขัดแย้งอินเดีย-ปากีสถาน เพื่อ ‘สนับสนุนยอดขายอาวุธ’ ขณะที่ปากีสถานอ้างว่า ได้ใช้เครื่องบินขับไล่ J-10C ที่ผลิตร่วมกับจีน ยิงเครื่องบินของอินเดียตกอย่างน้อย 5 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่องบิน Rafales ที่ผลิตในฝรั่งเศสด้วย
การที่ปากีสถานใช้ อาวุธจีนยิงเครื่องบินขับไล่ Rafale ของฝรั่งเศสที่อินเดียใช้งาน กลายเป็น ‘จุดขายที่สำคัญ’ เป็นพิเศษ สำหรับความพยายามในการขายอาวุธของสถานทูตจีน (แม้ว่ารายงานจะระบุว่าอาจมีเครื่องบินอินเดียถูกยิงตกเพียงสามลำ และอาจไม่ใช่เครื่องบิน Rafales ทั้งหมด)
รายงานฉบับนี้ยังได้อ้างถึงหน่วยข่าวกรองของฝรั่งเศส โดยอ้างว่า จีนได้เปิดตัวปฏิบัติการบิดเบือนข้อมูล (Disinformation Campaign) เพื่อขัดขวางการขายเครื่องบิน Rafales ของฝรั่งเศส และสนับสนุนเครื่องบิน J-35 ของจีนเอง
โดยปฏิบัติการดังกล่าวได้ใช้บัญชีโซเชียลมีเดียปลอมเผยแพร่ภาพที่สร้างโดย AI และภาพจากวิดีโอเกมที่ถูกอ้างว่าเป็น ‘ซากปรักหักพัง’ ของเครื่องบินอินเดียที่ถูกทำลายด้วยอาวุธจีน
รายงานยังอ้างว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตจีนยังได้โน้มน้าวให้อินโดนีเซียยุติการซื้อเครื่องบิน Rafale ที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อขยายอิทธิพลของจีนในการจัดซื้อทางทหารของประเทศอื่นในภูมิภาค
ความสัมพันธ์อินเดีย-ปากีสถาน-จีน
ที่ผ่านมา ปากีสถานยังคง ‘พึ่งพาอาวุธจีนอย่างมาก’ โดยข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม (SIPRI) ระบุว่า อาวุธของจีนคิดเป็น 81% ของการนำเข้าอาวุธทั้งหมดของปากีสถานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยจีนเสนอขายเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ห้า J-35 จำนวน 40 ลำ รวมถึงเครื่องบิน KJ-500 และระบบป้องกันขีปนาวุธให้กับปากีสถานในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ขณะที่อินเดีย-ปากีสถานมีปัญหาพิพาทกันบ่อยครั้ง โดยอินเดียยังไม่ได้ยืนยันจำนวนเครื่องบินที่สูญเสียไปจากเหตุขัดแย้งกับปากีสถานอย่างชัดเจน แม้ว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสของอินเดียจะยอมรับว่ากองทัพอากาศได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะกันในช่วงเวลานั้น
โดยประเด็นสำคัญที่รายงานด้านความมั่นคงของหน่วยงานสหรัฐฯ ฉบับนี้เน้นย้ำคือ การที่จีนได้ใช้ความขัดแย้งระดับภูมิภาคเป็นเหมือน ห้องปฏิบัติการกลางแจ้ง เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์ทางทหารของตน และใช้ผลลัพธ์เหล่านั้นเป็นเครื่องมือในการทำสงครามการตลาด เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งจากผู้ผลิตอาวุธตะวันตก
ภาพ: Rehan Waheed / Shutterstock
อ้างอิง:
- https://www.scmp.com/news/china/article/3333321/china-leveraged-india-pakistan-conflict-trial-and-tout-its-military-strengths-says-us-panel?module=perpetual_scroll_0&pgtype=article
- https://www.scmp.com/week-asia/politics/article/3309520/pakistan-india-conflict-war-narratives-chinese-arms-playing-part?module=inline&pgtype=article


