วันนี้ (18 พฤศจิกายน) เวลา 17.30 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าค่าลิขสิทธิ์การจัดแข่งขัน MotoGP 2025 แพงขึ้นเป็นเท่าตัว ว่า เรื่องนี้ต้องไปสอบถามทางผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย เพราะเรื่อง MotoGP ผู้ที่ทำเรื่องเสนอขึ้นมาคือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นคู่สัญญา โดยมีการพูดถึงเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางกีฬา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ เนวิน ชิดชอบ ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบทันทีว่า “มันไม่เกี่ยวนิ” ผู้สื่อข่าวจึงทักท้วงว่า เนวิน เป็นเจ้าของ สนามช้าง อารีนา ซึ่งจะใช้จัดการแข่งขัน MotoGP นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ก็ต้องมีเรื่องสัญญา แต่เท่าที่ตนทราบก็ ขาดทุนมาโดยตลอด
เมื่อถูกถามต่อว่า จะทบทวนการจัดแข่งขัน F1 และเทศกาลดนตรี Tomorrowland หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสม พร้อมย้อนถามว่า งบประมาณในการจัดแข่งขัน MotoGP อยู่ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท ขณะที่ F1 ใช้งบ 40,000 ล้านบาท ดังนั้น “ขอให้ไปถาม F1 ก่อน แล้วค่อยมาถาม MotoGP ว่าอันไหนทำได้เลย และมีความพร้อมอยู่แล้ว”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นรัฐบาลนี้ ไม่รอรัฐบาลหน้า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้มีมาตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมยกมือชี้นักข่าวว่า “อย่าถามแบบนี้สิ เพราะถามแบบนี้เหมือนการหาเรื่อง” ซึ่งไม่ได้เป็นการหาเรื่องตน แต่เป็นการหาเรื่องให้ประชาชนเข้าใจผิด
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า ไม่ใช่รัฐบาลนี้ แต่มันเริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล คสช. ด้วยซ้ำ ปีแรกตนยังไปดูตอนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปเปิดงาน และถูกเลื่อนมา ซึ่งรัฐบาลก็ให้การสนับสนุน รวมถึงรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร การถามว่าทำไมต้องเป็นรัฐบาลนี้ มันไม่ใช่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะอธิบายประชาชนได้หรือไม่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การเอื้อประโยชน์แก่ใคร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ประโยชน์คือ คนๆ นั้นต้องได้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างไปรวมอยู่ตรงนั้นหมด” แต่เท่าที่ทราบก็ต้องใช้สนามตามข้อตกลง เพราะ MotoGP จะไปแข่งที่สนามซูเปอร์ไฮเวย์ก็ไม่ได้ ซึ่งถ้าจังหวัดอื่นมีสนามแบบนี้ก็ต้องเสนอข้อเสนอที่ดีที่สุด แล้วไปจัดที่นั่น แต่ทุกปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยที่ตนกำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ทั้งนี้ ทราบว่า สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี ยังไม่รวมเรื่องการท่องเที่ยวและผลพลอยได้ของจังหวัดข้างทาง ซึ่งขยายไปถึงจังหวัดสุรินทร์ นครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียง โดย โรงแรมและที่พักเต็มหมดในช่วงการแข่งขัน รวมถึงการค้าขายที่ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเห็นว่ามีความคึกคัก และได้รับรายงานว่า มีความคุ้มค่ากับการที่รัฐบาลโปรโมตกีฬาประเภทนี้ ซึ่งดำเนินการมาหลายรอบแล้ว


