‘คดีเอปสตีน’ กำลังกลายเป็นระเบิดเวลาในหน้าการเมืองสหรัฐอเมริกา แม้อาชญากรอย่าง เจฟฟรีย์ เอปสตีน จะจากโลกนี้ไปแล้ว (อย่างมีเงื่อนงำ) แต่ข้อกล่าวหาการค้ามนุษย์และล่วงละเมิดผู้เยาว์ ซึ่งพัวพันกับผู้นำ มหาเศรษฐี และชนชั้นนำระดับโลก ยังคงหลอกหลอนสังคมอเมริกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อปรากฏชื่อของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในเอกสารและหลักฐานหลายชิ้น
ล่าสุด พรรคเดโมแครตเปิดหลักฐานชิ้นใหม่อย่างข้อความทางอีเมลของเอปสตีน โดยระบุว่า ทรัมป์เคยใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่กับเหยื่อรายหนึ่ง พร้อมเรียกผู้นำสหรัฐฯ ว่า เป็น ‘สุนัขที่ไม่เคยเห่า’ ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนสั่นสะเทือนการเมืองอเมริกันในชั่วข้ามคืน
THE STANDARD สรุปทุกประเด็นว่า คดีเอปสตีนเกี่ยวข้องกับทรัมป์อย่างไร แล้วเรื่องราวฉาวโฉ่สามารถเขย่าเก้าอี้ประธานาธิบดี สหรัฐฯ ได้หรือไม่
คดีเอปสตีนคืออะไร ทำไมจึงกลับมาได้รับความสนใจหน้าการเมืองสหรัฐฯ
- คดีเอปสตีนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวนับพันคน โดยสาเหตุที่คดีดังกล่าวถูกจับตามองจากนานาชาติ ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ เพราะเชื่อกันว่า มีคนดัง บุคคลสำคัญ มหาเศรษฐี และชนชั้นนำทั่วโลก พัวพันกับคดีดังกล่าว เช่น บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ, แอนดรูว์ เมานต์แบตเทน วินด์เซอร์ หรืออดีตเจ้าชายแอนดรูว์, ไมเคิล แจ็กสัน ราชาเพลงป๊อป และ เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ นักมายากล รวมถึงทรัมป์ ในฐานะอดีตเพื่อนสนิทของเอปสตีน
- คดีดังกล่าวเกิดขึ้นโดยมีศูนย์กลาง คือ เอปสตีน และ กิซเลน แม็กซ์เวลล์ (Ghislaine Maxwell) อดีตแฟนสาวชาวอังกฤษ โดยวิธีการก่ออาชญากรรม คือ ล่อลวงเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ให้มาทำงานด้วย แต่กลับล่วงละเมิดทางเพศ และบังคับให้ค้าประเวณีกับเครือข่ายกลุ่มผู้ทรงอิทธิพล ทั้งในบ้านของเขาที่แมนฮัตตัน ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา และเกาะลิตเติลเซนต์เจมส์ พื้นที่ส่วนหนึ่งของหมู่เกาะเวอร์จินในสหรัฐฯ
- เหยื่อที่โด่งดังที่สุดในคดีนี้ คือ เวอร์จิเนีย จุฟเฟร (Virginia Giuffre) เหยื่อผู้ล่วงลับจากการปลิดชีพ และอดีตพนักงานในรีสอร์ตมาร์อาลาโกของทรัมป์ช่วงทศวรรษที่ 2000 เธอออกมาเปิดโปงว่า ตนถูกเอปสตีนและกิซเลนบังคับให้ค้าประเวณีกับอดีตเจ้าชายแอนดรูว์ตั้งแต่อายุ 16 ปี พร้อมกับเขียนหนังสือ Nobody’s Girl: A Memoir of Surviving Abuse and Fighting for Justice ที่อธิบายเหตุการณ์ว่า เธอเผชิญกับการล่วงละเมิดทางเพศอย่างไรบ้าง
- สาเหตุที่คดีดังกล่าวกลับมาโด่งดังอีกครั้ง แม้เอปสตีนจะถูกจับ และเสียชีวิตในคุกอย่างปริศนาตั้งแต่ปี 2019 เพราะในระหว่างแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 ทรัมป์ประกาศชัดว่า เขาจะปล่อย ‘ไฟล์เอปสตีน’ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีล่วงละเมิดทางเพศสู่สาธารณะ ซึ่งคาดกันว่า จะมีบันทึกการเดินทาง ไปจนถึง ‘รายชื่อลูกค้า’ หรือผู้สมรู้ร่วมคิดในเหตุการณ์
- การหาเสียงเช่นนี้ได้ใจทั้งกลุ่ม MAGA และชาวอเมริกันบางส่วน เพราะมีทฤษฎีสมคบคิดว่า เอปสตีนเสียชีวิต เพราะถูก ‘เก็บ’ จากผู้ทรงอิทธิพล หากทรัมป์ปล่อยรายชื่อดังกล่าว โลกจะได้รู้ว่า ใครคือผู้เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมเลวร้ายครั้งนี้ ขณะที่ผู้สนับสนุนทรัมป์บางส่วนเชื่อว่า ผู้มีอำนาจจากรัฐพันลึกมีส่วนสำคัญกับคดีดังกล่าว
- แต่หลังจากทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาอ้างว่า มีการปิดคดีเอปสตีนไปแล้ว ซ้ำยังวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มผู้สนับสนุนที่กดดันเขา ถึงแม้จะมีการเปิดเผยเอกสารนับพันหน้าในต้นปี 2025 แต่ก็ไม่ใช่ข้อมูลใหม่
- นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังระบุว่า ไฟล์เอปสตีนไม่ได้มีรายชื่อลูกค้าอยู่ในนั้น พร้อมกับยืนยันว่า อาชญากรใคร่เด็กเสียชีวิตเพราะปลิดชีพตนเอง ไม่ได้ถูกลอบสังหารแบบที่ใครเชื่อ
- ซ้ำร้ายกว่านั้น คดีเอปสตีนได้กลายเป็น ‘ชนัก’ ติดตัวทรัมป์ ซึ่งอาจทำให้เขาสูญเสียฐานเสียงผู้สนับสนุน หมดความน่าเชื่อถือทางการเมือง ไปจนถึงสุ่มเสี่ยงการถูกใช้เป็นหนึ่งในวาระถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี (Impeachment) หลังมีการข้อกล่าวหามากมายว่า เขามีส่วนพัวพันกับคดีล่วงละเมิดทางเพศครั้งนี้
ข้อกล่าวหาและหลักฐานทางอีเมล ทรัมป์เกี่ยวข้องกับคดีเอปสตีนอย่างไร
- ทรัมป์เป็นเพื่อนสนิทกับเอปสตีนตั้งแต่ช่วง 1980 โดยรู้จักกันในวงอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคฤหาสน์ของเอปสตีนตั้งอยู่ไม่ไกลรีสอร์ตมาร์อาลาโก ทำให้อดีตมหาเศรษฐีผู้ล่วงลับไปหามาสู่ที่บ้านทรัมป์บ่อยๆ
- ในปี 2002 ทรัมป์เคยให้สัมภาษณ์กับ TIME Magazine ว่า เขารู้จักเอปสตีนมาหลายปี โดยระบุว่า เอปสตีนชอบผู้หญิงสวยๆ เหมือนเขา แต่ส่วนใหญ่เป็นคนอายุน้อยกว่าทั้งหมด
- อย่างไรก็ดีในปี 2019 ทรัมป์ปฏิเสธว่า เขาเลิกคบหาเอปสตีนมานานแล้ว โดยอ้างว่า ทะเลาะกันเรื่องอสังหาริมทรัพย์ และไม่ได้ชอบพฤติกรรมของอดีตเพื่อนคนนี้เลย
- แต่ระเบิดลูกแรกที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับเอปสตีน คือ รายงานของ Wall Street Journal และ New York Times ในเดือนกรกฎาคม 2025 ซึ่งอ้างว่า แพม บอนดี อัยการสูงสุดสหรัฐฯ แจ้งให้ทรัมป์ทราบในการบรรยายสรุปว่า มีชื่อของเขาในไฟล์เอปสตีน แต่แหล่งข่าวในทำเนียบขาวระบุว่า พวกเขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด และคิดว่า ไม่มีหลักฐานที่เอาผิดทรัมป์ได้
- อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ปฏิเสธว่า บอนดีแค่สรุปให้เขาฟังสั้นๆ ขณะที่ทำเนียบขาวไม่ตอบคำถาม พร้อมระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวปลอม และทรัมป์ไม่คบหาสมาคมกับเอปสตีนมานานแล้ว เพราะทำตัว ‘น่าขนลุก’ กับพนักงานของเขา (หมายถึงจุฟเฟร)
- ระเบิดระลอกที่สองตามมา หลัง Wall Street Journal ปล่อยภาพการ์ดอวยพรวันเกิดที่ทรัมป์เขียนให้เอปสตีนในปี 2003 โดยมีข้อความบนรูปวาดผู้หญิงเปลือยกาย ตามด้วยลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์บนอวัยวะเพศ พร้อมข้อความ “สุขสันต์วันเกิด – ขอให้ทุกวันเป็นความลับอันแสนพิเศษ”
- ทว่าทรัมป์ปฏิเสธเหมือนเช่นเคย โดยระบุว่า เขาไม่เคยวาดภาพผู้หญิงแบบนี้ และภาษาที่ใช้ก็ไม่เหมือนเขา พร้อมขู่ฟ้อง The Wall Street Journal กับเจ้าของอย่าง รูเพิร์ต เมิร์กดอร์ก เจ้าพ่อสื่อยักษ์ใหญ่
- ล่าสุด เกิดเรื่องใหญ่เมื่อคืนวานนี้ (12 พฤศจิกายน) สมาชิกผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตได้ส่งเอกสาร 2 หมื่นฉบับ ซึ่งได้มาจากกองมรดกของเอปสตีน ให้คณะกรรมการกำกับดูแล ส.ส. สหรัฐฯ (Oversight Committee in the US House of Representatives) โดยมีอีเมลที่ระบุว่า ทรัมป์ใช้เวลากับเหยื่อคนหนึ่งเป็นเวลาหลายชั่วโมงที่บ้านของเขา และประธานาธิบดีสหรัฐฯ รู้เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศของเขา
- ในอีเมลฉบับหนึ่งพบว่า เอปสตีนส่งข้อความหาแม็กซ์เวลล์ในปี 2011 ว่า “ผมอยากให้คุณรู้ว่า สุนัขตัวหนึ่งที่ไม่เคยเห่าเลย คือ ทรัมป์ … (ชื่อของเหยื่อ) ใช้เวลากับเขาหลายชั่วโมงที่บ้านของผม … เขาไม่เคยถูกพูดถึงเลยแม้แต่ครั้งเดียว…”
- นอกจากนี้ พรรคเดโมแครตยังเปิดเผยอีเมลระหว่างเอปสตีนกับ ไมเคิล วอล์ฟฟ์ (Michael Wolff) นักเขียน ผู้สื่อข่าว และผู้ประพันธ์หนังสือ Fire and Fury (2018) ซึ่งในอีเมลหนึ่ง วอล์ฟฟ์เคยขอเอปสตีนให้สัมภาษณ์เรื่องราวเกี่ยวกับทรัมป์
- วอล์ฟฟ์เขียนอีเมลถึงเอปสตีนว่า “มีโอกาสที่คุณจะออกมาให้การในสัปดาห์นี้ โดยสามารถพูดถึงทรัมป์ในแบบที่จะทำให้คุณได้รับความเห็นอกเห็นใจมาก และอาจถึงขั้นเล่นงานเขาให้ถึงจุดจบได้ สนใจไหม?” ในวันที่ 29 ตุลาคม 2016 ซึ่งเป็นการส่งข้อความก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในอีก 2 วันข้างหน้า
- น่าสนใจอย่างยิ่งว่า ในอีเมลพูดคุย เอปสตีนยังแนะนำ ธอร์บยอร์น จักลันด์ (Thorbjorn Jagland) อดีตนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ว่า ให้ วลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มาคุยกับเขา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลวงในเกี่ยวกับทรัมป์ในปี 2018
- อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมระบุว่า พรรคเดโมแครตตัดตอนข้อความเพื่อหวังเล่นงานทรัมป์ และเบี่ยงเบนจากการพ่ายแพ้ปมชัตดาวน์รัฐสภา โดยอ้างชื่อของจุฟเฟรว่า เธอคือเหยื่อคนหนึ่งที่ย้ำแล้วย้ำอีกว่า ทรัมป์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว
- ปัจจุบัน จะมีการวางแผนโหวตลงคะแนนเสียงให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับคดีเอปสตีน ซึ่งคาดว่า จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ โดยมีผู้ชี้ขาด คือ อเดลิตา กริยัลวา (Adelita Grijalva) ส.ส. พรรคเดโมแครตจากรัฐแอริโซนาที่เพิ่งรับตำแหน่ง ซึ่งต้องเซ็น Discharge Petition หรือกลไกบังคับให้สภาฯ นำร่างกฎหมายลงมติได้ หากผู้นำพรรคหรือคณะกรรมาธิการไม่ยอม และเตะถ่วง
คดีเอปสตีนจะ ‘ล้ม’ ทรัมป์ได้หรือไม่
- น่าสนใจว่า ประเด็นการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์จากคดีเอปสตีน ยังไม่ได้รับการพูดถึงมากทั้งในบทความ หรือหน้าสื่อ อาจเพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมัดตัวได้มากนัก และเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ หากแต่ในขณะนี้ มีการพูดถึง ‘กระแสเสื่อมศรัทธาทรัมป์’ มากกว่า
- เพราะแม้ไม่มีข้อกล่าวหาทางกฎหมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า คดีเอปสตีนหลอกหลอน และทำลายทรัมป์ทางการเมืองผ่านภาพลักษณ์ และความโปร่งใส โดยเฉพาะในหมู่กลุ่มอนุรักษนิยมที่เชื่อเรื่อง ‘คนดีมีศีลธรรม’
- ครั้งหนึ่ง ทักเกิล คาร์ลสัน (Tucker Carlson) อินฟลูเอนเซอร์อนุรักษนิยม และ ลอรา ลูเมอร์ (Laura Loomer) นักเคลื่อนไหววิจารณ์ว่า รัฐบาลทรัมป์ขาดความโปร่งใสที่ไม่เปิดเผยเรื่องนี้ ขณะที่ ไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดีสมัยแรกของทรัมป์ ก็กดดันผ่าน CBS News ว่า ถึงเวลาที่ผู้นำสหรัฐฯ ควรเปิดเผยเอกสารทั้งหมด
- ชาร์ลี ไซคส์ (Charlie Sykes) ผู้เขียนหนังสือ How the Right Lost Its Mind ที่วิเคราะห์ขบวนการฝ่ายขวาในสหรัฐฯ และวิธีการเล่นเกมทางการเมืองของทรัมป์ระบุว่า ขณะนี้ทรัมป์กำลังถูกกลืนกินด้วยทฤษฎีสมคบคิดในลักษณะเดียวกันที่ทำให้เขาขึ้นสู่อำนาจ และเป็นเรื่องย้อนแย้งที่เขาปฏิเสธเรื่องราวที่เคยบอกประชาชนมาตลอด
- นอกจากนี้ คดีเอปสตีนเป็นชนวนเร่งกระแสเสื่อมศรัทธาทรัมป์ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องแรกที่ผู้นำสหรัฐฯ ทำให้ผู้สนับสนุนไม่พอใจ เช่น การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพไม่ได้ หรือการมุ่งเน้นนโยบายต่างประเทศเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทรัมป์สัญญาไว้ในการหาเสียง โดยเฉพาะกับกรณีล่าสุด คือ การเปิดบ้านต้อนรับ อาเหม็ด อัล-ชะอารา (Ahmed al-Sharaa) ประธานาธิบดีซีเรียคนปัจจุบัน และอดีตสมาชิกอัลกออิดะห์ในซีเรีย
- ปัจจุบัน Realclearpolitics ระบุว่า คะแนนไม่สนับสนุนทรัมป์อยู่ที่ 54% ถือเป็นการตกต่ำที่สุดในช่วงดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2
ภาพ: Archive Photos via Getty Images
อ้างอิง:
- https://abcnews.go.com/US/jeffrey-epstein-key-victims-attorney/story?id=123805543
- https://edition.cnn.com/politics/live-news/trump-epstein-emails-11-12-25
- https://www.theguardian.com/us-news/2025/jul/24/what-are-jeffrey-epstein-documents-trump
- https://www.bbc.com/news/articles/c20r07dg6kro
- https://www.cbsnews.com/news/jeffrey-epstein-island-little-st-james-what-allegedly-happened-there/
- https://theconversation.com/donald-trump-cannot-make-the-epstein-files-go-away-will-this-be-the-story-that-brings-him-down-261843
- https://www.bbc.com/news/articles/c059gmypj4jo
- https://www.bbc.com/news/articles/c3rj0d97ynvo
- https://time.com/7333365/trump-epstein-relationship-timeline/
- https://edition.cnn.com/2025/07/23/politics/bondi-trump-epstein-list-files
- https://www.theguardian.com/us-news/2025/jul/16/donald-trump-dismisses-inquiry-into-jeffrey-epstein-as-boring
- https://www.theguardian.com/news/ng-interactive/2025/jul/19/trump-epstein-maga-revolt
- https://www.politico.com/live-updates/2025/11/12/congress/adelita-grijalva-sworn-in-epstein-files-00649018


