วันนี้ (12 พฤศจิกายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. แถลงยืนยันความพร้อมและสถานการณ์น้ำของกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า สถานการณ์น้ำได้ผ่านจุดวิกฤตสูงสุดไปแล้ว และมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยปี 2554 เนื่องจากระดับน้ำมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำหนุนในช่วงเดือนพฤศจิกายนไม่น่าเป็นห่วงแล้ว เนื่องจากได้ผ่านวันที่น้ำหนุนสูงสุดไปแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 และคาดว่าการหนุนสูงสุดในรอบถัดไปคือวันที่ 20 ธันวาคม 2568 จะไม่สูงมาก ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำเหนือที่บรรเทาลง ประกอบกับไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามาในพื้นที่
นอกจากนี้ กทม. ได้ปรับปรุงโครงสร้างประตูระบายน้ำที่เคยมีปัญหาในปี 2554 ให้มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น ทำให้ความกังวลเรื่องน้ำท่วมใหญ่จึงไม่น่าจะเกิดขึ้น
แม้สถานการณ์โดยรวมจะคลี่คลาย แต่ ผู้ว่าฯ กทม. แสดงความห่วงใยต่อ 11 ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (ประมาณ 300 หลังคาเรือน) ซึ่ง กทม. ได้เข้าไปสร้างสะพานไม้และแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้ว
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมล้มลง เนื่องจากคลื่นที่เกิดจากการ ขับเรือเร็ว ในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้ประสานกับกรมเจ้าท่าให้จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดสำคัญเพื่อคอยป้องปรามผู้ขับเรือเร็วแล้ว
วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเสริมว่า กทม. ได้สร้างแนวเขื่อนป้องกันน้ำริมเจ้าพระยาไล่ระดับความสูงอย่างปลอดภัย โดยพื้นที่ติดนนทบุรีเขื่อนสูงกว่า 3.5 เมตร ส่วนบริเวณสะพานพุทธฯ/ปากคลองตลาด มีเขื่อนสูงประมาณ 3 เมตร ซึ่งระดับน้ำปัจจุบันยังต่ำกว่าเขื่อนมากกว่า 80 เซนติเมตร
รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงถึงภาพน้ำล้นจากโซเชียลว่าเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก และได้เร่งดำเนินการแก้ไขแล้ว:
1. พื้นที่ฟันหลอ (พื้นที่เอกชน): จาก 32 จุด (4 กม.) ได้แก้ไขแล้ว 22 จุด (2.6 กม.) เหลือพื้นที่เอกชนเพียง 10 จุด ที่ต้องขออนุญาตเพื่อก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำ
2. ช่องเปิดท่าเรือ: เป็นพื้นที่สัญจร จึงไม่สามารถสร้างเขื่อนถาวรได้ ต้องใช้ กระสอบทราย วางแนวกั้นและสูบน้ำออกหากมีการรั่วซึม
3. แนวเขื่อนรั่วซึม: จากที่เคยพบ 120 จุดในปี 2565 ได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว จนเหลือ 76 จุด (ประมาณ 8 กม.) ซึ่งเป็นที่มาของภาพน้ำท่วมที่เห็นตามสื่อ
น้ำเหนือ-น้ำหนุนต่ำกว่าความจุมาก
- น้ำทะเลหนุนสูง: ระดับน้ำที่ปากคลองตลาดวันที่ 9 พฤศจิกายน อยู่ที่ +2.25 ม.รทก. ซึ่งยัง ต่ำกว่าแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมกว่า 75 ซม. และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
- น้ำเหนือ (เขื่อนเจ้าพระยา): ปริมาณระบายอยู่ที่ 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่ง ต่ำกว่าศักยภาพการรับน้ำสูงสุดของเจ้าพระยา (3,600 ลบ.ม./วินาที) อย่างมาก
- สภาพอากาศ: กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าพายุโซนร้อนฟงวอง ไม่มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย และปริมาณฝนใน กทม. ลดลง
สำนักการระบายน้ำได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อรับมือทุกด้าน เช่น ลดระดับน้ำในคลองกว่า 1,980 คลอง, ตรวจสอบเขื่อน 80 กิโลเมตร, และจัดกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องสูบน้ำกว่า 1,581 เครื่อง ประจำสถานีสูบน้ำกว่า 200 แห่งตลอด 24 ชั่วโมง
ประชาชนที่พบปัญหาน้ำท่วม ท่อตัน หรือความผิดปกติ สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน กทม. โทร. 1555 หรือแอปพลิเคชัน Traffy Fondue


