วันนี้ (12 พฤศจิกายน) ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พบทุ่นระเบิดในบังเกอร์ของทหารไทยว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ที่เห็นกับตาเมื่อวานนี้ระหว่างลงพื้นที่ ทุ่นระเบิดทั้ง 4 ลูกอยู่ในฝั่งของไทย และไม่ใช่ทหารของไทยไปวางแน่นอน เพราะเราไม่มี อีกทั้งจากการตรวจสอบทางเทคโนโลยีชัดเจนว่าทุ่นระเบิดทั้ง 4 ทุ่นที่มาวางถูกวางหลังจากที่มีการลงนามสนธิสัญญาว่าด้วยนำไปสู่สันติภาพชายแดนไทย-กัมพูชา (Joint Declaration) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดกันแล้วว่าปฏิญญานี้ถือว่าไม่มีผลเพราะคนที่เป็นคู่ปฏิญญาไม่ปฏิบัติตาม
ส่วนการที่ฝ่ายค้านเสนอให้รัฐบาลโทรหาผู้นำสหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย เพื่อแจ้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่กัมพูชาจะโทรไปนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงไม่ต้องโทรแล้ว ตนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน 5 ครั้งแล้ว กด Play เมื่อไหร่ก็เห็นข้อความของนายกรัฐมนตรีไทยต่อเรื่องนี้
ส่วนที่ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนกล่าวว่า ทหารกัมพูชามาลักลอบก่อเหตุเช่นนี้เพราะต้องการเบี่ยงเบนไม่ให้มีการจัดการเรื่องสแกมเมอร์นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เกี่ยว เรื่องสแกมเมอร์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีไปแล้วหลายราย ไม่ทราบว่าทำไมถึงบอกว่าไม่จับ มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน มีการถอนสัญชาติ ตนจึงต้องเชื่อในข้อมูลที่มีอยู่ เพราะเป็นการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ใช่ข่าวลือ หรือความกังวลของใคร
ส่วนเหตุเหยียบทุ่นระเบิดล่าสุดจะนำไปสู่การยกเลิก MOU 43-44 ง่ายขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า MOU 44 เป็นเรื่องของเขตแดนทะเล ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการอะไร ตนคิดว่าไม่จำเป็นต้องถามเพราะนโยบายรัฐบาลทั้งเรื่อง MOU 43 และ 44 รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความต้องการที่จะดำเนินการต่อ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สื่อกัมพูชาตีข่าวว่าการร้องไห้ปาดน้ำตา ของนายกรัฐมนตรีระหว่างเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด เป็นเหมือนน้ำตาจระเข้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “No comment” ก่อนจะบอกว่า “ไม่ใช่น้ำตาจระเข้ หรอกครับ คอยดูแล้วกันจระเข้มันงับไปอย่าหางจุกตูดแล้วกัน”


