สมรภูมิวิวาทะที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญในแวดวงกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย อันได้แก่ พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
มีที่มาจากการเปิดโปงข้อมูลคดีเว็บพนันที่พาดพิงถึง ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส. สงขลา พรรคกล้าธรรม ชนวนนี้ได้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่ทุกฝ่ายนำมาใช้อ้างอิงเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามและป้องกันตนเอง
โดยมี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และอัจฉริยะเป็นผู้เปิดเกมรุก พุ่งเป้าไปที่การทำงานของ พล.ต.ท. ไตรรงค์
คดี สส. ชนนพัฒฐ์ จุดปะทะหลัก
คดีของ ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) จังหวัดสงขลา พรรคกล้าธรรม ได้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่ทุกฝ่ายนำมาใช้อ้างอิงเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามและป้องกันตนเอง โดยอัจฉริยะ เป็นผู้เริ่มเปิดโปงข้อมูลและหลักฐาน พร้อมระบุว่าหลังการเปิดโปงมีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาขอเคลียร์ ซึ่งสร้างนัยว่าอาจมีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
ในขณะที่ พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ นำคดีมาขยายความในมุมปฏิบัติงาน โดยใช้คำว่าชำแหละคดีที่เกี่ยวข้องกับ สส. ชนนพัฒฐ์ เพื่อแสดงความคืบหน้าและความเอาจริงเอาจังในการทำงานของตน
คดีของ สส. สงขลารายนี้เกี่ยวข้องกับการพัวพันในคดีจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์และฟอกเงิน โดยล่าสุดคือเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีมติสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีของชนนพัฒฐ์กับพวก รวม 69 รายการ มูลค่าประมาณ 159 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของเว็บไซต์พนันออนไลน์หลายแห่ง เช่น www.gimi88.com และ www.gimi44.com
ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมใน 8 ประเด็น เกี่ยวกับคดีนี้ หลังมีความเห็นแย้งกับทางตำรวจภูธรภาค 9
ขณะที่ รังสิมันต์ โรม สส. พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้เตรียมเชิญชนนพัฒฐ์เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการฯ อย่างไรก็ตาม ชนนพัฒฐ์เคยยืนยันหนักแน่นว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องแก๊งสแกมเมอร์หรือเว็บพนันออนไลน์ตามที่ถูกกล่าวหา
ยุทธศาสตร์การเปิดโปงโดยอัจฉริยะ
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม สะท้อนการทำงานร่วมกันอย่างมีเป้าหมายในการแฉตำรวจ-นักการเมือง
ในส่วนของอัจฉริยะทำหน้าที่เป็นหน่วยเคลื่อนไหวเร็วภาคประชาชนที่เปิดประเด็นสู่สาธารณะ ขณะที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ซึ่งเป็นบุคคลจากองค์กรตำรวจ ให้ความน่าเชื่อถือและน้ำหนักแก่ข้อกล่าวหา ทำให้การโจมตีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อัจฉริยะได้ออกมาเปิดเผยข้อมูล โดยระบุถึงเส้นทางการเงินที่มีหลักฐานเชื่อมโยงชนนพัฒฐ์กับเว็บพนันออนไลน์หลายแห่ง โดยให้ข้อมูลว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบที่เกี่ยวข้องสูงถึงกว่า 170 ล้านบาท นอกจากนี้ อัจฉริยะยังกล่าวหาเรื่องการช่วยเหลือทางคดีและการแทรกแซง โดยระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงในสังกัดตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.) และตำรวจภูธรภาค 9 เข้ามาช่วยเหลือ, ทำคดีล่าช้า, ไม่ส่งฟ้องศาล หรือพยายามล้มคดี
เพื่อสร้างแรงกดดันและตรวจสอบข้อเท็จจริง อัจฉริยะได้นำพยานหลักฐานเส้นทางการเงินและข้อมูลต่างๆ ไปยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ และยังมอบให้คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ที่มี รังสิมันต์ โรม เป็นประธาน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย
ทั้งนี้ ข้อมูลที่อัจฉริยะเปิดเผยมีความสอดคล้องกับการดำเนินการล่าสุดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งมีมติยึดและอายัดทรัพย์สินของชนนพัฒฐ์และพวก รวมมูลค่ากว่า 159 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์
การเปิดโปงข้อมูลอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบนี้ ได้ผลักดันให้ความขัดแย้งเข้าสู่พื้นที่สาธารณะและส่งผลกระทบต่อหลายหน่วยงาน
เปิดโปงกระบวนการช่วยเหลือคดี
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ นับว่ามีบทบาทสำคัญในการเปิดโปงและตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการทำคดีของ สส. สงขลา รายนี้ โดยเน้นการโจมตีไปที่ความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ระดับสูงและการทำสำนวนคดี
ประเด็นหลักที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ออกมาเปิดเผยคือ มีขบวนการช่วยเหลือ สส. ชนนพัฒฐ์ให้พ้นจากคดีเว็บพนันออนไลน์ พร้อมกล่าวหาพนักงานสอบสวนในคดีว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และได้ตั้งข้อสังเกตการทำสำนวนคดีว่ามีความผิดปกติอย่างชัดเจน โดยพนักงานสอบสวนแบ่งสำนวนคดีออกเป็นคดีย่อยหลายคดี ทั้งที่ผู้ต้องหาและเส้นทางการเงินเป็นกลุ่มเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการในคราวเดียวกันตามหลักกฎหมาย
นอกจากนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังพาดพิงถึง พล.ต.ท. ไตรรงค์ และชุดจับกุม PCT 4 ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือหรือบิดเบือนคดี โดยอดีตรอง ผบ.ตร. ยื่นหลักฐานถึง คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีรังสิมันต์เป็นประธาน อาทิ เส้นทางการเงินและพฤติการณ์ที่ผิดปกติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ในคดีนี้ ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างชัดเจน และเป็นแรงผลักดันให้คดีของชนนพัฒฐ์ถูกจับตามองจากสังคมและหน่วยงานตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
แถลงการณ์ปกป้ององค์กรของรองจเรตำรวจแห่งชาติ
การตัดสินใจจัดแถลงข่าวของ พล.ต.ท. ไตรรงค์ (รอง จตช. และในขณะนั้นเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT 4) ถือเป็นการเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์เพื่อปกป้องเกียรติภูมิของตนเองและองค์กรตำรวจ โดย พล.ต.ท. ไตรรงค์ มองว่าตนเองกำลังถูกรุมสับจากข้อกล่าวหาของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และ อัจฉริยะ จึงจำเป็นต้องออกมาตอบโต้
พล.ต.ท. ไตรรงค์ โต้ข้อกล่าวหาที่ว่าตนหรือลูกน้องในชุดช่วยเหลือคดีของชนนพัฒฐ์ โดยปฏิเสธการกลับคำให้การ ยืนยันว่าลูกน้องตำรวจ 2 นายในชุดจับกุม ไม่เคยกลับคำให้การเพื่อช่วยเหลือ สส. ชนนพัฒฐ์ให้พ้นคดีตามที่ถูกกล่าวหา
ในประเด็นเรื่องเอกสารคำให้การ พล.ต.ท. ไตรรงค์ เปิดเผยว่ามีเอกสารคำให้การที่ลงวันที่ล่วงหน้า (ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2565 แต่สอบปากคำจริง 30 มิถุนายน 2565) ซึ่งพนักงานสอบสวนยอมรับว่าทำไว้ล่วงหน้าเพราะถูกเร่งรัดจากผู้บังคับบัญชา แต่เน้นย้ำว่าเนื้อหาคำให้การนั้นไม่ได้เป็นการกลับคำหรือช่วยเหลือผู้ต้องหาแต่อย่างใด
ชุด PCT 4 ได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่องจนสามารถดำเนินคดีกับชนนพัฒฐ์ได้ถึง 3 คดี ใน 3 ท้องที่ โดยมีการแจ้งข้อหาทั้งร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันและฟอกเงิน พร้อมตั้งคำถามกลับว่า หากจะช่วยจริงจะขยายผลจับกุมถึง 3 คดี ใช้เวลาข้ามปีได้อย่างไร พร้อมชี้ให้เห็นว่าตนและชุดจับกุม ไม่ได้กลั่นแกล้ง
อีกประการคือการปกป้องศักดิ์ศรีองค์กร โดยตอบโต้คำกล่าวของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ที่มองว่าด้อยค่าองค์กรตำรวจว่าเป็นแก๊งอาชญากรรม ทาง พล.ต.ท. ไตรรงค์ ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะดำเนินการฟ้องกลับ ทั้ง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และอัจฉริยะ เพื่อปกป้องสิทธิ์และพิสูจน์ความจริงในกระบวนการยุติธรรม โดยจะขอใช้สิทธิดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่กล่าวพาดพิงตนเองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในทางที่เสียหาย ซึ่งเป็นการยกระดับความขัดแย้งไปสู่การต่อสู้ในชั้นศาล
การเดิมพันที่สูงและอนาคตของ ตร.
ภาพรวมความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.ท. ไตรรงค์, พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และอัจฉริยะ สะท้อนการต่อสู้ที่ซับซ้อน ซึ่งใช้ทั้งสื่อสาธารณะและกระบวนการทางกฎหมายเป็นเครื่องมือ โดยมีเดิมพันเป็นชื่อเสียงของบุคคลและเกียรติภูมิของสถาบันตำรวจ
ความขัดแย้งนี้มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ได้แก่ ผลกระทบต่อบุคคลที่ทุกฝ่ายเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีและความเสียหายต่อชื่อเสียง ผลกระทบต่อองค์กรตำรวจ (ตร.) ที่ความขัดแย้งระหว่างนายตำรวจระดับสูง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและความเป็นเอกภาพขององค์กร และผลกระทบต่อคดีเว็บพนัน ที่การต่อสู้ส่วนบุคคลนี้เสี่ยงจะบดบังสาระสำคัญของคดีอาชญากรตัวจริง
ผลลัพธ์สุดท้ายของการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะกำหนดชะตากรรมทางอาชีพของนายตำรวจระดับสูง แต่ยังอาจนำไปสู่การปรับขั้วอำนาจครั้งสำคัญภายใน ตร. ซึ่งส่งผลต่อทิศทางการปฏิรูปองค์กรและความเชื่อมั่นของประชาชนในระยะยาว


