สายน้ำเจ้าพระยาไม่ได้เป็นเพียงเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ยังเป็นผืนผ้าใบที่บันทึกเรื่องราวแห่งความรุ่งโรจน์ของกรุงเทพมหานคร ริมสองฝั่งฟากของแม่น้ำสายประวัติศาสตร์นี้ คือที่ตั้งของสัญลักษณ์แห่งยุคสมัย ที่บอกเล่าตัวตนของเมืองหลวงแห่งนี้สู่สายตาโลก
ในยุคที่การแข่งขันระหว่างมหานครทั่วโลกขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ การสร้าง ‘แลนด์มาร์ก’ ที่สามารถดึงดูดผู้คนและสะท้อนอัตลักษณ์ของชาติจึงเป็นหมุดหมายสำคัญ การสร้างสัญลักษณ์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่พอจะทำให้โลกหันมามอง จึงเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่เสมอ
และวันนี้ สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจบทใหม่ของคนไทย ที่ตั้งตระหง่าน ณ ฝั่งธนบุรี ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ทำให้โลกต้องจดจำ ‘ไอคอนสยาม’ ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 ‘โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบ 30 ปี’ จากเวทีระดับโลก MAPIC Awards 2025 ตอกย้ำว่าศักยภาพของคนไทยนั้นเทียบเท่ามาตรฐานโลกอย่างแท้จริง
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนเวทีโลก
การได้รับคัดเลือกครั้งนี้ เป็นผลจากความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น เวที MAPIC Awards ซึ่งเปรียบดั่ง ‘รางวัลออสการ์ของวงการ Retail’ ได้จัดรางวัลพิเศษนี้ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปี โดยเฟ้นหาโครงการที่มีวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่น สามารถเปลี่ยนมุมมองของอุตสาหกรรม และพลิกโฉมจุดหมายปลายทางได้อย่างแท้จริง
ไอคอนสยามคือโครงการหนึ่งเดียวจากประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย (Finalist) เคียงข้างโครงการระดับโลกอย่าง Puerto Venecia จากสเปน และ Westfield London จากสหราชอาณาจักร โดยต้องแข่งขันกับโครงการยักษ์ใหญ่ที่คนทั่วโลกรู้จัก ทั้ง Dubai Mall, Marina Bay Sands และ Battersea Power Station
การคัดเลือกไม่ได้มาจากคณะกรรมการเท่านั้น แต่ยังมาจากการโหวตของผู้คนทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มกลางของ MAPIC คอมมูนิตี้ สะท้อนถึงการยอมรับในวงกว้างอย่างแท้จริง โดย ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ กล่าวถึงรากฐานของความสำเร็จครั้งนี้ว่า
“ความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นจากพลังแห่งความร่วมมือ ศรัทธาและจิตวิญญาณของบริษัทคนไทยที่ได้ตั้งใจสร้างแลนด์มาร์กใหม่ของประเทศ เพื่อนำเสนออัตลักษณ์ของความเป็นไทย โดยมีแรงบันดาลใจจากการที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นแบบอย่างของการนำเสนอความเป็นไทยที่งดงาม”
“โดยทั้งสองพระองค์ได้ทรงงานตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อพัฒนาความสามารถของคนไทยจากภูมิปัญญาไทยในเรื่องต่างๆ ให้กลายเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ทรงคุณค่าและมีมูลค่ามหาศาล ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้เรามุ่งมั่นดำเนินรอยตาม และน้อมนําความเป็นไทยมาใช้ในการพัฒนา Global Destination เพื่อแข่งขันในเวทีโลกอย่างภาคภูมิ”
![]()
ปณิธาน 13 ปี จากวิสัยทัศน์สู่การ ‘สร้างเมือง’
หากย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ในวันที่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกาศการร่วมทุนครั้งประวัติศาสตร์ หลายคนยังมีคำถามถึงการตัดสินใจข้ามแม่น้ำมาลงทุนมหาศาลที่ฝั่งธนบุรี
ทว่านี่ไม่ใช่วิสัยทัศน์ของการสร้างศูนย์การค้า แต่คือการ ‘สร้างเมือง’ ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 60,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 55 ไร่ และพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 750,000 ตารางเมตร โครงการนี้ถูกรังสรรค์ให้เป็นอภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิต ที่รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของโลกกับสิ่งที่ดีที่สุดของไทยเข้าไว้ด้วยกัน
“ในปี 2557 ตอนเราประกาศชื่อไอคอนสยาม เราก็ประกาศแผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย เราบอกชัดเจนว่าการมาที่ฝั่งธนบุรี คือการมาเพื่อสร้างเมืองแห่งความรุ่งโรจน์ เราตั้งใจให้โครงการนี้ทำให้คนทั้งโลกหันกลับมามองแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้ง ในฐานะ Global Destination และมองเห็นความเก่งของคนไทย”
วิสัยทัศน์ดังกล่าวถูกถ่ายทอดผ่าน ‘7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม’ ตั้งแต่สถาปัตยกรรมที่นำอัตลักษณ์ไทยมาตีความใหม่อย่างวิจิตรล้ำสมัย, การรวมตัวของแบรนด์ระดับโลกและแบรนด์ไทย, River Park พื้นที่สาธารณะริมน้ำ, ระบำสายน้ำที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รวมถึง ‘เมืองสุขสยาม’ ที่นำเสนอภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์จาก 77 จังหวัด, ศูนย์ประชุมระดับโลก และการรวบรวมงานศิลปะจากศิลปินชั้นครูของไทย ทั้งหมดนี้คือองค์ประกอบของ ‘ICONSIAM Model’ ที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าร่วม (Shared Value) และการเติบโตอย่างยั่งยืน
![]()
พลังที่พลิกฟื้นธนบุรีสู่จุดหมายปลายทางโลก
ตลอด 7 ปีที่เปิดดำเนินการ ไอคอนสยามได้พิสูจน์แล้วว่าพลังแห่งการสร้างสรรค์สามารถพลิกโฉมเมืองได้อย่างแท้จริง จากพื้นที่ฝั่งธนบุรี กลายเป็นศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ทัดเทียมฝั่งกรุงเทพมหานคร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้งรถ ราง เรือ ได้เชื่อมโยงพื้นที่อย่างสมบูรณ์
ผลกระทบเชิงบวกเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ธุรกิจริมแม่น้ำเติบโตกว่า 60% มูลค่าที่ดินโดยรอบเพิ่มขึ้นพิ่มขึ้นจาก 250,000 บาท เป็น 700,000 บาทต่อตารางวา เกิดการจ้างงานมากกว่า 400,000 อัตรา และยังกระตุ้นให้เกิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ กว่า 60 โครงการในรัศมีใกล้เคียง
ไอคอนสยามยังเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสที่เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยกว่า 35,000 ครอบครัว และดีไซเนอร์ไทยกว่า 800–1,000 ราย ให้สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นเจ้าของกิจการ สร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากลผ่านโมเดิร์นเทรดและเวทีโลกอย่างแท้จริง
“เงินลงทุนจะไม่มีความหมายเลย ถ้าเราไม่สามารถแปลงมูลค่านั้นให้เป็นคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งคุณค่าที่ว่านี้ไม่ใช่แค่สำหรับโครงการ แต่คือคุณค่าที่เรามอบให้แม่น้ำเจ้าพระยาและผู้คนฝั่งธนบุรี ตั้งแต่วันแรกที่เปิด เราได้ทำให้ฝั่งธนบุรีกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ ไม่แพ้ฝั่งกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ”
พลังแม่เหล็กของไอคอนสยามยังดึงดูดแบรนด์ระดับโลกให้เลือกปักหมุดเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่นี่ โดยในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ถึงต้นปี 2569 มีแบรนด์ใหม่กว่า 51 ราย ที่เลือกลงทุนในฝั่งธนบุรี ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1,500 ล้านบาท
ปรากฏการณ์นี้รวมถึงแฟล็กชิปสโตร์ใหม่ของ Hermès และ Prada ที่เลือกเปิดในรูปแบบ Duplex (สองชั้น) แห่งแรกในไทย, Loro Piana ที่เปิดสาขาขนาดใหญ่ที่สุดในไทย, Fendi กับคอนเซปต์ใหม่แห่งแรกในเอเชีย และ POP MART Global Landmark Store ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนอกประเทศจีน
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ที่เปิดสาขาแรกในไทยอย่าง Brunello Cucinelli และ Zimmermann ไปจนถึง ON Official Store ที่ทุบสถิติยอดขายวันแรกสูงที่สุดในโลก การต่อแถวรอคิวของแบรนด์เหล่านี้ สะท้อนว่าไอคอนสยามได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้คนทั่วโลกต้องมาเยือน
![]()
เกียรติยศแห่ง ‘ผู้บุกเบิก’ และความภูมิใจของคนไทย
ความสำเร็จระดับโลกครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงตัวโครงการเท่านั้น แต่ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์อยู่เบื้องหลังก็ได้รับการยอมรับเช่นกัน ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติ ‘PIONEERS OF PLACES AWARDS’
ชฎาทิพนับเป็นคนไทยและชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้ เคียงข้างผู้นำธุรกิจระดับโลกอีก 4 ท่าน รางวัลนี้สะท้อนถึงการเป็น ‘Game Changer’ ผู้สร้างแรงบันดาลใจและกำหนดบรรทัดฐานใหม่ให้แก่วงการค้าปลีกโลก ผ่านการพัฒนาโกลบอลเดสติเนชันอย่างสยามพารากอน และไอคอนสยาม
ขณะเดียวกันตลอด 7 ปี ไอคอนสยามได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้วกว่า 53 รางวัล ตั้งแต่ Best Shopping Centre ที่ดีที่สุดในโลกจาก MAPIC Awards 2019, รางวัล Outstanding Store Design of the Year จาก World Retail Awards 2019 ไปจนถึงรางวัล VIVA Best-of-the-Best Awards จากสมาคมศูนย์การค้าโลก (ICSC) ในปี 2020
การเป็น 1 ใน 3 โครงการที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบ 30 ปี จึงเป็นบทพิสูจน์ล่าสุดที่ตอกย้ำความสำเร็จของวิสัยทัศน์ที่กล้าแกร่ง และพลังแห่งความร่วมมือที่มุ่งมั่นจะนำเสนออัตลักษณ์ไทยสู่สายตาชาวโลก
“รางวัลอันทรงเกียรตินี้ ไม่ใช่แค่ของสยามพิวรรธน์ แต่เป็นรางวัลของประเทศไทย เป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน เราจะมุ่งมั่นทุ่มเทให้ไอคอนสยามเป็น ‘แม่เหล็ก’ ที่ทรงพลัง ดึงดูดคนทั้งโลกให้กลับมาเยือน และหลงรักประเทศไทยอย่างไม่มีวันสิ้นสุด”
นี่คือเรื่องราวของโครงการที่ไม่ได้เริ่มต้นจากอิฐและปูน แต่เริ่มต้นจาก ‘ศรัทธา’ ที่จะสร้างสัญลักษณ์ใหม่ของประเทศให้โลกประจักษ์ และวันนี้ เกียรติยศนั้นได้เปล่งประกายเจิดจ้าสมความตั้งใจ เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติผ่านชื่อของ ‘ไอคอนสยาม’


