ตามที่มีกระแสข่าวและภาพ-คลิปวิดีโอเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่าน้ำล้นเขื่อนขุนด่านปราการชล เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 นั้น กรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาขุนด่านปราการชล สำนักงานชลประทานที่ 9 ได้ออกมาชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง
วันนี้ (12 พฤศจิกายน) จากการตรวจสอบข้อมูล กรมชลประทานชี้แจงสถานการณ์ในวันที่มีกระแสข่าวว่า ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เขื่อนขุนด่านปราการชลมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 220 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 98% ของความจุเก็บกักปกติ (224 ล้าน ลบ.ม.) และยังสามารถรับน้ำได้อีก
ต่อมาในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ได้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 4.21 ล้าน ลบ.ม. จากปริมาณฝนสะสมบริเวณน้ำตกเหวนรก (อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่) ส่งผลให้ระดับน้ำในเขื่อนฯ อยู่ที่ระดับที่ เต็มความจุอ่างพอดี (+110.35 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง หรือ ม.รทก.)
กรมชลประทานยืนยันว่า เขื่อนขุนด่านปราการชลถูกออกแบบให้สามารถรองรับน้ำได้ถึงระดับเก็บกักสูงสุด (Maximum Capacity) ที่ 226 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงยังคงมีความปลอดภัยและมั่นคงแข็งแรง
ภาพหรือคลิปวิดีโอที่เห็นว่ามีน้ำกระฉอกออกมาทางช่องระบายน้ำล้น (Spillway) เล็กน้อยนั้น เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของแรงลมและคลื่นภายในอ่างเก็บน้ำ เมื่อระดับน้ำเต็มอ่างฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในเขื่อนขนาดใหญ่
ล่าสุด (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568) เขื่อนขุนด่านปราการชลมีระดับน้ำอยู่ที่ +109.67 ม.รทก. หรือปริมาณน้ำ 220.74 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 98% ของความจุเก็บกักปกติ และยังสามารถรับน้ำได้อีกประมาณ 3.24 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปัจจุบันไม่มีฝนตกเพิ่มเติมในพื้นที่เหนือเขื่อน และสถานการณ์อยู่ในภาวะปกติ
กรมชลประทานขอยืนยันว่า เขื่อนขุนด่านปราการชลยังคงมีความมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยทุกด้าน โดยมีการตรวจสอบอาคารชลประทานและเฝ้าระวังระดับน้ำตลอดทั้งปี จึงขอให้ประชาชนคลายความกังวลและมั่นใจในการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน


