วานนี้ (9 พฤศจิกายน) สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี ที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง ออก หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวหางบการจัด MotoGP ว่าเอื้อธุรกิจใคร และกรณีที่ ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย ข้องใจตัวเลขไม่คุ้มทุน
สิริพงศ์ระบุว่า ทำการบ้านน้อยไปหน่อย ประเด็นที่หยิบยกมาพูดนั้น หยิบมาเพียงมุมเดียว ไม่ครบถ้วน ทำให้เห็นถึงความสามารถในการทำงาน ว่าอาจจะขาดประสบการณ์ หรือความพยายามที่จะทำความเข้าใจ พุ่งเป้าแต่จะโจมตีทางการเมืองอย่างเดียว
สิริพงศ์ชี้แจงกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทย ตั้งคำถามถึงค่าลิขสิทธิ์ MotoGP ที่สูงขึ้น ในขณะที่การคาดการณ์คนเข้าลดลง ว่าการจัดการแข่งขัน จัดมาตั้งแต่ ปี 2561 – 2568 จัดมาแล้ว 7 ครั้ง โดยที่ในแต่ละปีมีอัตราเติบโตขึ้นทุกปี ยกเว้นปีหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งในปีสุดท้าย มีผู้ชม กว่า 2.2 แสนคน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 5 พันล้านบาท ในปีนั้น แต่เวลามาคิดฐาน คือ 2 แสน คิดต่ำกว่าจำนวนฐานในปีล่าสุด ซึ่งเป็นเพียงการคาดการณ์ แต่ในความเป็นจริงแนวโน้มโตขึ้น การคิดต่ำไว้ก่อนก็เพื่อให้เกิดการรัดกุมในเรื่องของการประมาณการ เพื่อให้เห็นว่า ขนาดประมาณต่ำ ยังมีความคุ้มค่า
ส่วนประเด็นที่ระบุว่าค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ขอชี้แจงว่า ลิขสิทธิ์ของการจัดการแข่งขันระดับโลก มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เพราะมีผู้รับชมจำนวนมาก นับร้อยล้านคนจากช่องทางการถ่ายทอด และคิดเป็นเงินสกุลต่างประเทศ อย่างครั้งนี้คิดเป็นเงินยูโร ประมาณ 14 -17 ล้านยูโร โดยในสัญญามีอัตราการปรับขึ้น 5% ในแต่ละปี แต่เนื่องจากทำมาตั้งแต่ปี 2561 ในความเป็นจริงหากจะเข้าปีนี้ ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าการขึ้นแบบขั้นบันไดอย่างนี้ด้วยซ้ำ
“รายการนี้เป็นรายการเปิดสนามรายการแรกของโลก ที่ประเทศไทย จากทั้งหมด 22 สนาม ซึ่งในเอเชีย มีประเทศที่สามารถจัดการแข่งขันได้ไม่เพียงกี่ประเทศ ซึ่งมีไทยเป็นหนึ่งในนั้น เป็นสนามเปิดฤดูกาลของทุกปี นี่ต่างหากที่เป็นโอกาสทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย มีโอกาสมาท่องเที่ยวในเชิงกีฬา สร้างงานสร้างรายได้ สร้างแรงบันดาลใจ สร้างอาชีพ กระจายเงินสู่ท้องถิ่น”
ส่วนกรณีที่ พ.ต.อ.ทวีพูดนั้น คิดว่าอาจจะมีความเข้าใจที่คาดเคลื่อน ว่าการทำลักษณะนี้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทบุรีรัมย์ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต หรือไม่ พร้อมชี้แจงว่า จากเอกสารที่ได้มา ทั้งจากการกีฬาแห่งประเทศไทย และบริษัทบุรีรัมย์ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในทุกปี ที่มีการจัดการแข่งขัน การกีฬาแห่งประเทศไทยได้ขอใช้สนาม ซึ่งสนามบุรีรัมย์ฯ ก็ตอบรับโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายทุกปี
“ดังนั้น หมายความว่า การแข่งขันที่สนามบุรีรัมย์ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ไม่มีเงินหลวงแม้แต่บาทเดียว ที่ไปจ่ายเป็นค่าเช่าสนาม แทนที่คุณทวี จะมากล่าวหา แบบไม่ทำการบ้าน ควรจะมาขอบคุณด้วยซ้ำ” สิริพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ ในลักษณะของการจัด MotoGP เป็นการทำสัญญาความร่วมมือระหว่างการกีฬาแห่งประเทศไทย เจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง ไม่ใช่นำเงินไปจ้างเอกชนรายใดรายหนึ่ง อีกทอดหนึ่งเพื่อร่วมกันจัด ซึ่งจะต่างกับโครงการที่รัฐบาลที่แล้วอนุมัติไป อย่างโครงการ Tomorrowland 2025
ที่รัฐ ไปอุดหนุน ให้เอกชนจ่ายเงินให้เอกชนจัดและเอกชนก็ไปหารายได้ แต่ MotoGP หากมีรายได้มากกว่ารายจ่ายก็ต้องส่งเงินคืนรัฐ ดังนั้น จึงอยากจะชวนให้ โฆษกพรรคเพื่อไทย และ พ.ต.อ. ทวี ไปเช็คดูว่า บริษัทที่รับจัดงาน Tomorrowland 2025 มีผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นบริษัทเดียวกันกับที่จัดงานสงกรานต์เฟสติวัล ในรัฐบาลที่แล้วของพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่
ส่วนกรณีที่นำเรื่องทะเบียนบ้านของนายกรัฐมนตรีเชื่อมโยงกับ MotoGP สิริพงศ์ระบุว่า ทะเบียนบ้านของนายกรัฐมนตรี อยู่บ้านเดียวกับ เนวิน ชิดชอบ และเป็นที่เดียวกับบริษัทบุรีรัมย์ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งไม่ใช่คู่สัญญาอย่างที่บอกไป คือ บุรีรัมย์ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตไม่ใช่คู่สัญญาของ การกีฬาแห่งประเทศไทย และไม่ใช่คู่สัญญาของ MotoGP แต่เป็นสนามที่ในการแข่งขันตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ให้ใช้ฟรีมาโดยตลอด ดังนั้น การที่จะมากล่าวหา ควรชื่นชมมากกว่า เพราะเขาให้ใช้สถานที่มาจัดการแข่งขัน สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ


