เชื่อว่านี่คือประสบการณ์จริงที่สายเที่ยวหลายคนต้องเจอกับภาวะ ‘ขาไหว แต่หลังพัง’ อันที่จริง สาเหตุอาจไม่ได้อยู่ที่ความไม่ฟิต แต่มันคือ ภาวะกล้ามเนื้อไม่สมดุล (Muscle Imbalance) ที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย ซึ่งบังคับให้หลังของคุณต้องทำงานหนักเกินหน้าที่จนอักเสบ มาดูกันว่าสาเหตุหลักๆ มีอะไรบ้าง
1. กล้ามเนื้อก้นอ่อนแอ (Weak Glutes)
ปกติก้นมีหน้าที่หลักในการเคลื่อนไหวร่างกาย รวมถึงการพยุงหลังล่าง ข้อสะโพก ข้อเท้าและข้อเข่า แต่การนั่งทำงานหรือขับรถนานๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้อ่อนแอจนอาจลืมหน้าที่ไป ร่างกายจึงสั่งให้ใช้หลังล่างมาเกร็งและออกแรงแทน
2. กล้ามเนื้องอสะโพกตึง (Tight Hip Flexors)
การนั่งนานๆ ทำให้กล้ามเนื้องอสะโพกหดสั้น เมื่อลุกเดิน มันจะดึงให้เชิงกรานเอียงไปข้างหน้า ทำให้หลังล่างแอ่นมากกว่าปกติ เกิดแรงบีบอัดที่กระดูกสันหลังตลอดเวลา
3. แกนกลางลำตัวอ่อนแอ (Weak Core)
หน้าท้องที่อ่อนแอทำให้กระดูกสันหลังขาดความมั่นคง หลังล่าง จึงต้องพยายามเกร็งค้างไว้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันแรงกระแทกจากการเดิน ทำให้เกิดอาการปวดเกร็ง
5. การแบกของหนัก
การแบกกระเป๋าสะพายหรือเป้ที่หนักไปตลอดทางจะยิ่งเพิ่มแรงกดทับ ลงบนกระดูกสันหลังโดยตรง และบังคับให้หลังแอ่นมากขึ้น ทำให้อาการแย่ลงเร็วขึ้น
วิธีแก้ที่ตรงจุด
- ฝึกยืด Hip Flexor
ท่านี้จะช่วยปลดล็อกกล้ามเนื้อที่ดึงหลังให้แอ่น ลดอาการตึงหลัง
วิธีทำ: คุกเข่าข้างหนึ่ง ก้าวอีกข้างไปหน้า 90 องศา แล้วค่อยๆ ดันสะโพกไปข้างหน้าตรงๆ จนรู้สึกตึง ค้างไว้ 30 วินาที แล้วสลับข้าง ทำซ้ำ 2-3 รอบ
- ฝึกท่า Glute Bridge
ท่านี้จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อก้นที่อ่อนแรงให้กลับมาทำงานแทนหลัง
วิธีทำ: นอนหงาย ชันเข่า วางเท้ากว้างเท่าสะโพก แล้วยกสะโพกขึ้นสูง เกร็งก้นค้างไว้ 3-5 วินาที แล้วค่อยๆ วางลง ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง ทั้งหมด 2-3 เซ็ต
- ฝึกท่า Child’s Pose
ท่านี้จะช่วยยืดและคลายกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างที่เกร็งค้างและถูกบีบอัดมาทั้งวัน
วิธีทำ: คุกเข่า นั่งบนส้นเท้า แล้วพับลำตัวไปข้างหน้า ให้หน้าผากแตะพื้น เหยียดแขนตรงไปด้านหน้า ค้างไว้ 30 วินาที หายใจลึกๆ ทำซ้ำ 2-3 เซ็ต
นอกจาก 3 ท่านี้ การเลือกของใช้ส่วนตัวก็สำคัญไม่แพ้กัน เริ่มจากเรื่องรองเท้า ควรเลือกรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อการเดินหรือรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะ ซึ่งมีพื้นรองรับแรงกระแทกได้ดี
ส่วนกระเป๋า แนะนำให้หันมาใช้เป้สะพายหลัง (Backpack) แทนกระเป๋าสะพายข้าง เพราะเป้จะช่วยกระจายน้ำหนักลงบนบ่าทั้งสองข้างอย่างสมดุล ไม่บังคับให้หลังฝั่งใดฝั่งหนึ่งต้องเกร็งรับน้ำหนักตลอดเวลา และที่สำคัญคือ พยายามอย่าใส่ของหนักจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม หากคุณมีอาการเจ็บแปลบ ชา หรือปวดรุนแรงจนทนไม่ไหว นั่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาเส้นประสาทหรือหมอนรองกระดูก แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาที่ถูกต้อง ก่อนที่อาการจะเรื้อรัง
อ้างอิง:
- https://my.clevelandclinic.org/health/body/gluteal-Muscles-glutes
- https://www.health.harvard.edu/staying-healthy/do-you-spend-most-of-your-day-sitting-these-hip-flexor-stretches-are-for-you
- https://petersenpt.com/glute-bridge-benefits
- https://health.clevelandclinic.org/childs-pose
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/325434
- https://emergeortho.com/news/lower-back-hurts-when-walking/
- https://www.bdmswellness.com/knowledge/gluteal-muscle
- https://www.phyathai.com/th/article/1781-%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94_%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87?srsltid=AfmBOoqJeIc3bKv-EAoX-MjSfPYxxRkVysVodexM7oOMqLklSHMbgnr5


