วันนี้ (8 พฤศจิกายน) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยคณะพนักงานสืบสวนเรื่องที่ 134/2568 ได้ดำเนินการสืบสวนเชิงลึกกรณี บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Prince International) ว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของ เฉิน จื้อ (Chen Zhi) ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Prince Holding Group) ในประเทศกัมพูชาหรือไม่ หลังทางการสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นบัญชีคว่ำบาตร 43 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งรวมถึงบุคคลที่คาดว่ามีความเกี่ยวพันกับกลุ่มนี้
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา DSI นำโดย ร.ต.อ. วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดี DSI ได้เข้าพบและสอบปากคำ 2 ผู้ถือหุ้นชาวไทย ของบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ เพื่อรับมอบเอกสารและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและผลประกอบการ รวมถึงความสัมพันธ์กับ Prince Holding Group
ผู้ถือหุ้นชาวไทยได้ชี้แจงยืนยันว่า บริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Prince Holding Group และไม่เคยเป็นนอมินีให้แก่นิติบุคคลใดๆ โดยความเชื่อมโยงเดียวที่มี คือ ชื่อบริษัทที่คล้ายกัน ยอมรับว่าเคยเดินทางไปดูธุรกิจของ Prince Holding Group ที่กัมพูชา และสนใจที่จะทำธุรกิจร่วมกัน เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจมีความมั่นคง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ร่วมทำธุรกิจ เนื่องจากติดเงื่อนไขที่จำกัดมากเกินไป
ทั้งนี้ บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ให้ความร่วมมือกับ DSI มอบพยานเอกสารทั้งหมด ทั้งรายชื่อผู้ถือหุ้น เอกสารทางการเงิน และเส้นทางการเงินย้อนหลัง เพื่อยืนยันว่า ไม่เคยมีธุรกรรมทางการเงินจากต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับ Prince Holding Group เข้ามาในบริษัท และผู้ถือหุ้นไม่เคยพบปะหรือพูดคุยธุรกิจกับ เฉิน จื้อ
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน รายงานภายใน DSI เปิดเผยว่า คณะพนักงานสืบสวนจะมุ่งเน้นการตรวจสอบเครือข่ายของ เฉิน จื้อ และรายชื่อชาวต่างชาติ 43 คนที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร โดยเฉพาะการสืบหาความเชื่อมโยงมาถึงบุคคลและนิติบุคคลในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ DSI พบเพียงว่า บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ยังไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ Prince Holding Group ในกัมพูชา และจากการตรวจสอบงบการเงินที่ส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าก็ ไม่พบนัยสำคัญที่ผิดปกติ หรือหลักฐานที่บ่งชี้ว่ามีการนำเงินทุนจาก Prince Holding Group เข้ามาใช้ทำธุรกิจในไทย
ในการตรวจสอบมิติถัดไป DSI ได้ประสานขอข้อมูลจากหลายหน่วยงาน ทั้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (การจดทะเบียน), สำนักงาน ปปง. (ธุรกรรมทางการเงิน) เพื่อหาเครือข่ายของ เฉิน จื้อ และบริษัทในเครือ Prince Holding Group ในประเทศไทย หากพบความชัดเจนว่ามีนิติบุคคลใดเป็นเครือข่ายทุนนอกหรือเป็น นอมินี DSI จะขยายผลรับเป็นคดีพิเศษในความผิดตาม พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ซึ่งความผิดดังกล่าวอยู่ในบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ. การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อยู่แล้ว
นอกจากนี้ DSI ยังได้ตรวจสอบข้อมูลของ ก๊ก อาน สว. กัมพูชา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 43 รายชื่อที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร และถูกตำรวจไซเบอร์ไทยออกหมายจับในคดีเว็บพนันออนไลน์ ก่อนหน้านี้ DSI ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลการแจ้งเกิดบุตรของ ก๊ก อาน ที่อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเชื่อว่าอาจเกิดการทุจริตสวมสิทธิทำบัตรประชาชนโดยมิชอบ หากกระบวนการเพิกถอนสัญชาติเสร็จสิ้น DSI จะเดินหน้าตรวจสอบธุรกิจและธุรกรรมทางการเงินของ ก๊ก อาน และเครือข่ายที่ถูกคว่ำบาตรต่อไป


