×

สุรเชชษฐ์เผชิญหน้าอาจารย์จุฬาฯ ถกเดือดกลาง กมธ. ย้ำไม่เคยโกงข้อสอบ

โดย THE STANDARD TEAM
06.11.2025
  • LOADING...
สุรเชชษฐ์เผชิญหน้า อาจารย์จุฬาฯ ถกเดือดกลาง กมธ. ย้ำไม่เคยโกงข้อสอบ

วันนี้ (6 พฤศจิกายน) ในการประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาศึกษาปัญหาและแนวทางการปฏิรูประบบราชการตำรวจในด้านการบริหารงานบุคคลและการดำเนินการทางวินัยของข้าราชการตำรวจ กรณีศึกษา พล.ต.อ. กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ทุจริตข้อขอบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ เข้าชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ และตัวแทนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ศาสตราจารย์ทัชมัย ฤกษะสุต ประธานสภาคณาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ช่วยศาสตราจารย์ปารีณา ศรีวนิชย์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ ซึ่งใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง

 

ในการชี้แจงบางช่วง พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ กล่าวหาว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปารีณาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ มีผลประโยชน์ทับซ้อน และไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าตนเองคือคนโกงสอบ โดยยอมรับว่าได้ซองเอกสารจากลูกน้องที่ตกเป็นผู้ต้องหา แต่ไม่ทราบว่าในซองเอกสารดังกล่าวคืออะไร จึงมองว่าการตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าวเป็นไปโดยไม่ชอบ

 

อีกทั้งยังมองว่าอดีตคณบดีมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับการตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีการสอบของตนเอง เพราะมีสามีเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในสมัยของ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็น ผบ.ตร. ในขณะนั้น โดยมองว่า พล.ต.อ. จักรทิพย์เป็นคู่กรณีของตนเอง และเชื่อว่าอดีตคณบดีอาจจงใจกลั่นแกล้งเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้

 

อ.จุฬาฯ ยืนยันด้วยเกียรติภูมิ ไม่คิดกลั่นแกล้ง

 

ด้านอดีตคณบดีนิติศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโต้กลับว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรื่องการโกงข้อสอบเป็นไปโดยถูกต้องตามกระบวนการ และไม่ได้กลั่นแกล้งบุคคลใด ที่ผ่านมาตนเองยังได้อำนวยความสะดวกให้กับ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการนำรถเข้ามาจอดภายในคณะ โดยปกติแล้วไม่มีนิสิตคนใดสามารถนำรถเข้ามาจอดได้ รวมถึงการเลื่อนสอบในกรณีต่างๆ จนตนเองถูกครหานินทาจากนิสิตและอาจารย์คนอื่นๆ ด้วยซ้ำ

 

ส่วนกรณีที่พาดพิงไปถึงว่าตนเองเป็นภรรยาของอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในสมัยของ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ก็ยืนยันว่าสามีของตนเองสังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มาตั้งแต่ยศนายร้อย จนขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ได้เพราะเหลืออายุราชการเพียง 1 ปี ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

นอกจากนี้ ยังขอเอาเกียรติภูมิของความเป็นอาจารย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาเป็นประกัน หากตนเองตั้งใจกลั่นแกล้ง คงไม่เชิญบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วย เพราะตนเองยึดหลักนิติศาสตร์ คือการหาความจริงให้ได้ ส่วนการแจ้งความเอาผิดที่ใช้เวลานานเพราะทางคณะไม่ทราบมาก่อนจนกระทั่งมีข่าวออกมาจึงต้องแจ้งความหากปล่อยนิ่งเฉยไว้ก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้

 

พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ยอมรับของขึ้น ขอความเป็นธรรม

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายของการชี้แจงพล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ถึงกับขึ้นเสียงและชี้นิ้วไปทางคณาจารย์จุฬาฯ ระหว่างตั้งคำถามกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ปารีณาว่า ที่บอกว่าสามีของผู้ช่วยศาสตราจารย์ปารีณาไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะสามีท่าน 33% ขึ้นโดยลำดับอาวุโส ซึ่งตำรวจรู้กัน ว่าต้องขึ้นผู้บัญชาการประจำ แต่สามีท่านขึ้นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ถ้าไม่ใช่คนของ ผบ.ตร. ไม่มีทางขึ้นผู้บัญชาการหลักได้ ตำรวจรู้ดี ท่านอย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง

 

“และอยากฝากถึงอาจารย์จุฬาฯ ว่าต่อให้ผมได้ข้อสอบมาและต่อให้ผมเปิดอ่าน ถ้าเป็นข้อสอบที่สอบไปแล้ว ก็คือข้อสอบเก่าใช้ไม่ได้ ขอให้อาจารย์ให้ความเป็นธรรม อาจารยังไม่ควรที่จะมาในวันนี้ เพราะถือว่าเป็นเหยื่อที่ถูกใครให้มาก็ไม่รู้ ต่อให้ผมได้ข้อสอบวันนี้แล้วเปิดอ่านและลอกมาเลยข้อสอบนั้นก็ใช้ไม่ได้ เขาเรียกว่าแนวข้อสอบ ซึ่งข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่ความจริง” พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์กล่าว

 

ก่อนที่ ปิยรัฐ จงเทพ สส. กทม. พรรคประชาชน ในฐาระรองประธานกรรมาธิการฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุมขณะนั้น ได้เตือน พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ ขอให้ใจเย็นๆ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ จึงกล่าวทิ้งท้ายว่า “ของขึ้นครับ“

 

ด้านศาสตราจารย์ทัชมัย ชี้แจงว่าเราไม่ได้เป็นเหยื่อ แต่อธิการบดีสั่งการให้มาชี้แจงต่อกรรมาธิการ ทำให้ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์พยายามที่จะตอบโต้อีก ปิยรัฐก็ได้ปรามอีกครั้ง

 

ก่อนที่ศาสตราจารย์ทัชมัยจะชี้แจงว่า พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์พูดเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เรื่องแนวข้อสอบ และหากใครอยากได้แนวข้อสอบก็มีอยู่ในเว็บไซต์ เพราะแนววิชาการก็จะออกอยู่ในประเด็นเดิม คนที่เป็นบัณฑิตควรจะต้องรู้ ข้อสอบอาจจะออกใหม่ แต่ประเด็นจะซ้ำเดิม ซึ่งเป็นแกนของวิชานั้นๆ ดังนั้น การมีแนวข้อสอบไม่ใช่เรื่องผิดปกติ

 

“ส่วนในซองนั้นเป็นข้อสอบหรือไม่ เราก็ยังไม่เชื่อ แต่เรารู้ว่ามันสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการทักท้วงกัน และสิ่งที่กรรมการพิจารณา ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะจากคำพูดของพยาน แต่พิจารณาจากหลักฐานอะไรที่ไม่มีเอกสารหลักฐานเราก็ไม่ตัดสิน” ศาสตราจารย์ทัชมัยกล่าว

 

ตร. ไซเบอร์ชี้ หลักฐานสาวไม่ถึง พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ เป็นผู้ต้องหา

 

ทั้งนี้ ก่อนจะปิดการประชุม พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หรือตำรวจไซเบอร์ 1 หนึ่งในหน่วยงานที่กรรมาธิการเชิญมาชี้แจง ก็ได้เดินทางมาจากทำเนียบรัฐบาล หลังการแถลงข่าว MOU ปราบสแกมเมอร์ รวมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการในประเด็นเกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว

 

พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ชี้แจงว่า ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือตำรวจไซเบอร์ ให้อำนาจหน้าที่ในการสืบสวนคดีในลักษณะดังกล่าว อีกทั้งการสืบสวนในคดีนี้เป็นการขยายผลจากอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในคดีเว็บพนันออนไลน์ของมินนี่ ซึ่งมีพยานหลักฐานเป็นจำนวนมากโดยต่อมาพบข้อมูลการพูดคุยสนทนาในเชิงลักษณะการนำข้อสอบออกจากห้องสอบเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญา จึงเข้าข่ายขอบเขตอำนาจที่สามารถดำเนินการได้

 

นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานไปถึง อีกทั้งในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนและการออกสื่อหลายครั้ง ก็ยืนยันว่า พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ไม่ใช่ผู้ต้องหา และให้เกียรติมาโดยตลอด

 

ส่วนเรื่องคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นอำนาจหน้าที่ของ ผบ.ตร. ที่ดำเนินการตนเองไม่ทราบในส่วนนี้ ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับการโกงข้อสอบ ขณะนี้ทราบว่า อัยการได้ส่งสำนวนกลับมาให้ตรวจสอบเพิ่มเติมใน 5 ประเด็น ซึ่งทราบว่าตำรวจเจ้าของคดีอยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามประเด็นที่อัยการส่งสำนวนกลับมา

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising