โกลด์โคสต์ไม่ได้เป็นเพียงเมืองตากอากาศยอดนิยมของรัฐควีนส์แลนด์ แต่คือภาพแทนของชีวิตริมทะเลแบบออสซี่อย่างแท้จริง
ที่นี่เต็มไปด้วยพลังของผู้คนที่ชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง คาเฟ่ดีไซน์เก๋ริมทะเล โรงแรมหรูที่มองเห็นวิวมหาสมุทร และพื้นที่ธรรมชาติที่ขับรถเพียงชั่วโมงเดียวก็ถึงด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นเกือบทั้งปี แสงแดดและทะเลกลายเป็นฉากหลังของชีวิตประจำวันของผู้คนที่นี่
แต่เหนือกว่านั้นคือความหลากหลาย จากย่าน Broadbeach ที่มีห้างหรูและบาร์ rooftop ไปจนถึง Tamborine Mountain ที่มีอุณหภูมิเย็นลง เต็มไปด้วยไร่องุ่นและกลิ่นไม้ป่าฝน
ทำความรู้จัก Gold Coast เมืองที่มีครบทั้งทะเล ภูเขา และไลฟ์สไตล์สมัยใหม่
โกลด์โคสต์ (Gold Coast) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ห่างจากบริสเบนเพียงราวหนึ่งชั่วโมงโดยรถยนต์ และใช้เวลาบินตรงจากกรุงเทพฯ – บริสเบน ประมาณ 11 ชั่วโมง ด้วย Jetstar Airways ก่อนต่อรถมา หรือจะแวะเที่ยวที่บริสเบนก่อนก็ทำได้เช่นกัน

เมืองนี้ขนานไปกับแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก มีชายหาดทอดยาวกว่า 70 กิโลเมตรตั้งแต่ Main Beach จนถึง Coolangatta จึงไม่น่าแปลกที่โกลด์โคสต์จะถูกเรียกว่า เมืองแห่งแสงแดดและทะเลสีทอง
ตลอดทั้งปี ที่นี่มีอากาศอบอุ่นสบาย ฤดูร้อนเฉลี่ย 21–29°C และฤดูหนาวอยู่ที่ราว 12–21°C ทำให้สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้แทบทุกเดือน ไม่ว่าจะเล่นเซิร์ฟ เดินป่าในเขตภูเขา หรือจิบกาแฟในคาเฟ่ริมทะเล

ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่นี่สะท้อนค่านิยมทำงานเท่าที่พอ ใช้ชีวิตให้คุ้มคุณจะเห็นคนวิ่งออกกำลังกายริมชายหาดตั้งแต่เช้า นักโต้คลื่นลงน้ำก่อนออฟฟิศเปิด หรือครอบครัวที่ใช้เวลาช่วงเย็นในบาร์ริมทะเลพร้อมวิวพระอาทิตย์ตก

ในขณะเดียวกัน เมืองก็มีโครงสร้างพื้นฐานและวัฒนธรรมร่วมสมัยที่ครบถ้วน เช่น ห้างหรูอย่าง Pacific Fair ไปจนถึงแกลเลอรี คาเฟ่ และคอมมูนิตี้มาร์เก็ตที่แสดงพลังของคนรุ่นใหม่ โกลด์โคสต์จึงเป็นเมืองที่มีทั้งความมีชีวิตชีวา ความสงบ และความหรูหราในอุณหภูมิเดียวกัน ที่นี่คือจุดหมายปลายทางที่ให้คุณเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตช้าอย่างสบาย หรือเต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าจดจำ และเหล่านี้คือกิจกรรมที่เราคิดว่าคุณน่าจะชอบ
Warner Bros. Movie World

สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียภายใต้แบรนด์ Warner Bros. แห่งเดียวในซีกโลกใต้ ภายในเต็มไปด้วยเครื่องเล่นและโชว์ที่จำลองบรรยากาศของโลกภาพยนตร์ ตั้งแต่โซน DC Universe ที่รวมเหล่าฮีโร่และวายร้ายชื่อดัง ไปจนถึงโชว์ Hollywood Stunt Driver ที่สร้างฉากแอ็กชันสมจริงระดับภาพยนตร์

ไฮไลต์คือ DC Rivals HyperCoaster เครื่องเล่นที่สูงกว่า 60 เมตรและทำความเร็วได้ถึง 115 กม./ชม. ที่แฟนความตื่นเต้นไม่ควรพลาด นอกจากความสนุก ยังมีร้านค้าและคาเฟ่ธีมหนัง Hollywood ให้เดินเล่นแบบสบายๆ เหมาะกับการใช้เวลาครึ่งวันในเมืองแห่งความบันเทิงนี้
Sea World Helicopters & Arro Jet Boating
จากความตื่นเต้นในสวนสนุก สู่การมองเห็นโกลด์โคสต์จากมุมสูง บริการของ Sea World Helicopters เปิดโอกาสให้เราได้ชมชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียจากบนฟ้า เส้นขอบฟ้าของ Surfers Paradise ที่เรียงรายด้วยตึกสูงระดับโลกตัดกับสีน้ำทะเลเทอร์ควอยซ์ เป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจและสงบในเวลาเดียวกัน มีเที่ยวบินให้เลือกตั้งแต่ 5 ถึง 30 นาที แต่ทุกเส้นทางล้วนให้มุมมองพาโนรามาที่สวยเอามากๆ

เมื่อกลับสู่พื้นดิน เราสามารถสนุกกับกิจกรรมใน Sea World หรือจอยกับ Arro Jet Boating กิจกรรมทางน้ำยอดนิยมใน Broadwater ที่ผสมความสนุกเข้ากับวิวทะเลแบบใกล้ชิดด้วยสปีดโบ๊ตจะพาคุณหมุน 360 องศาผ่านแนวชายฝั่งและป่าชายเลน ท่ามกลางเพลงสุดมันส์ น้ำทะเลสาด และชมวิวสองข้างทางที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมา

Hot Air Balloon Gold Coast & O’Reilly’s Canungra Valley Vineyard

หนึ่งในประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดของโกลด์โคสต์คือการขึ้นบอลลูนตอนเช้า Hot Air Balloon Gold Coast ซึ่งเป็นกิจกรรมยอดนิยมที่จัดขึ้นใกล้เมือง Canungra ใช้เวลาประมาณ 30–40 นาที ลอยเหนือหุบเขาและทิวเขาในแสงอาทิตย์แรกของวัน ด้วยระดับความสูงที่อยู่ต่ำกว่าเครื่องบิน ทำให้เรามองเห็นพื้นดินอย่างใกล้ชิด อยู่ในดงม่านหมอก ที่ให้ความรู้สึกที่พิเศษจริงๆ ใครไม่เคยลอง เราขอแนะนำเลย

จากนั้นเราจะไปชมไร่ไวน์ O’Reilly’s Canungra Valley Vineyard เพื่อรับประทานอาหารเช้าพร้อมลองไวน์เทสติ้ง จากนั้นก็แวะให้อาหารอัลปากาที่ฟาร์ม Mountview Alpaca Farm ที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน อัลปากาที่นี่เป็นมิตรมาก เราสามารถให้อาหารจากมือและสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด จะเซลฟีด้วยก็ยังได้

Tamborine Mountain
ภูเขาแห่งนี้ถูกเรียกว่า The Green Behind the Gold เพราะเป็นพื้นที่สีเขียวที่อยู่ห่างจากชายหาดโกลด์โคสต์เพียงหนึ่งชั่วโมง อากาศเย็นสบายตลอดปีและเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร คาเฟ่ และไร่องุ่นเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา เหมาะกับการเดินอาบป่า สูดอากาศบริสุทธิ์
ช่วงบ่ายต่อด้วยการเยี่ยมชม Tamborine Mountain Distillery โรงกลั่นเครื่องดื่มที่เก่าแก่และได้รับรางวัลมากที่สุดของออสเตรเลีย มีมากกว่า 300 รางวัลจากทั่วโลก และเปิดให้ผู้เข้าชมทดลองชิมลิเคียวร์หลากหลายรส ตั้งแต่ Limoncello ไปจนถึง Vodka ที่ใช้ผลไม้จากภูเขา ที่มีเวิร์กช็อปสอนทำ Limoncello ไว้ในพวกเราด้วย

Catch a Crab Tour

Catch a Crab Tour เป็นกิจกรรมที่เปิดมุมมองของโกลด์โคสต์ให้กว้างขึ้นอีก เพราะเราจะได้ล่องเรือไปตามแม่น้ำ Tweed เรียนรู้วิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่ออกเรือจับปู และลองชิมปูสดๆ ที่เพิ่งยกขึ้นจากกับดัก ชมทิวทัศน์ระหว่างทางที่เป็นป่าชายเลน จับกุ้งเคลย์ฟิช ให้อาหารนกท้องถิ่น ถือเป็นกิจกรรมที่เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนรสชาติกับชีวิตในเมือง

Tropical Fruit World

วันเดียวกันเราสามารถไป Tropical Fruit World สวนผลไม้เขตร้อนที่ปลูกพืชกว่า 500 ชนิดจากทั่วโลก กิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือ Miracle Fruit Show ที่เป็นการชิมผลไม้หายากในแถบนี้ ท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบเป็นหุบเขาเขียวขจีของ Duranbah Valley รวมถึงฟาร์มที่มีสัตว์ต่างๆ มากมายให้เราทักทาย เหมาะกับการไปเป็นแฟมิลี

SkyPoint Observation Deck
หนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดของโกลด์โคสต์ ตั้งอยู่บนชั้น 77 ของอาคาร Q1 ซึ่งเป็นตึกสูงที่สุดในออสเตรเลีย จากจุดนี้สามารถมองเห็นเส้นชายหาด Surfers Paradise ที่ทอดยาวกว่า 70 กิโลเมตรและแนวภูเขาเขียวด้านหลังเมืองได้แบบ 360 องศา

ในตอนเช้า แสงแรกของวันสะท้อนกับทะเลและกระจกอาคารรอบเมือง เป็นภาพที่นิ่งแต่ทรงพลัง ส่วนตอนเย็น บรรยากาศเปลี่ยนเป็นแสงอุ่นสีทอง เหมาะกับการนั่งชมวิวพร้อมกาแฟหรือไวน์หนึ่งแก้ว SkyPoint ยังมีเลานจ์และคาเฟ่ที่เปิดให้บริการ เหมาะกับการมานั่งพักหรือใช้เวลาเงียบๆ ระหว่างวัน
Morning Run & Beachfront Café Culture
โกลด์โคสต์คือเมืองที่มียามเช้าที่สวยและมีชีวิตที่สุดเมืองหนึ่งในออสเตรเลีย นักวิ่งและคนท้องถิ่นนิยมออกกำลังกายตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เส้นทางยอดนิยมคือทางเดินเลียบชายหาดจาก Broadbeach ถึง Burleigh Heads ที่ยาวต่อเนื่องกว่า 10 กิโลเมตร นับเป็นรูทวิ่งที่คึกคักและไม่เหงาเลย เพราะมีนักวิ่งมาร่วมกับเราตั้งแต่ตี 5 (เวลาที่เราไปสว่างไวมาก)

หลังวิ่งเสร็จ ยังมีคาเฟ่ดีๆ มีให้เลือกตลอดทาง เช่น BSKT Cafe หรือ Elk Espresso ที่เสิร์ฟอาหารเช้าแบบออสซี่ในสไตล์ร่วมสมัย ทั้งสองร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายหาด สะท้อนวัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบโกลด์โคสต์ได้ดี

Mamasan Kitchen & Bar

หากใครอยากลองอาหารที่ไม่ได้อยู่ในโรงแรม บริเวณไม่ไกลกัน เราขอแนะนำ Mamasan Kitchen & Bar ในย่าน Oracle Boulevard
ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องการตีความอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างร่วมสมัย เช่น ปอเปี๊ยะปูซอฟต์เชลล์ และสเต็กเนื้อวากิว บรรยากาศภายในร้านหรูหราดูดี เหมาะกับค่ำคืนแบบ modern Asian fine dining ที่ไม่ทางการเกินไปนัก แต่รสชาติอาหารดีเลยเหมาะสำหรับมื้อที่เรานึกถึงอาหารเอเชีย
ในบริเวณใกล้กันยังมีคาเฟ่ 2 แห่งที่เปิดตั้งแต่เช้า เอาใจคนตื่นเช้าและคนออกกำลังกาย เราชอบทั้ง No Name Lane Cafe และ Elk Espresso ที่อยู่ไม่ไกลกัน รสชาติกาแฟดีทั้งสองเจ้า

Miami Marketta
ใครอยากกินอาหารหลายๆ อย่าง แนะนำให้มาตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของที่นี่ และสะท้อนตัวตนของโกลด์โคสต์ยุคใหม่ มีร้านอาหารสไตล์ฟู้ดทรักจำนวนมาก หมุนเวียนเปลี่ยนเป็นประจำ มีดนตรีสดจากศิลปินท้องถิ่น บาร์เครื่องดื่มเย็นๆ และไวบ์แบบออสซี่ ที่คุณน่าจะชอบ

The Star Residences
ทริปนี้เรานอนที่ The Star Residences Broadbeach ซึ่งตั้งอยู่ในคอมเพล็กซ์เดียวกับ The Star Gold Coast มองเห็นวิวทะเลเต็มตาจากห้องพัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ตั้งแต่สระว่ายน้ำกลางอาคาร ห้องฟิตเนส ไปจนถึงพื้นที่ทำอาหาร และระเบียงส่วนตัวสำหรับชมวิวเมืองให้บรรยากาศเหมือนพักในอพาร์ตเมนต์หรูริมทะเลมากกว่าโรงแรมทั่วไป
เราได้ลองห้องอาหารบนชั้น 19 อย่าง The Darling Gold Coast ที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวดีที่สุดในเมือง จากจุดนี้เราจะมองเห็นทั้งแนวหาด Broadbeach และแสงไฟของเมืองในยามค่ำได้โดยรอบ เมนูจะผสมผสานเทคนิคยุโรปเข้ากับวัตถุดิบออสเตรเลีย เช่น สเต็กวากิว MB9 หรือจานปลาจากทะเลทางเหนือที่เสิร์ฟพร้อมไวน์ที่คัดโดยซอมเมอลิเยร์ เป็นจุดหมายสำหรับมื้อค่ำที่ต้องการทั้งบรรยากาศและรสชาติในระดับไฟน์ไดนิ่ง
Good for…

เหมาะกับคนที่อยากถอยออกจากจังหวะชีวิตที่เร่งรีบของเมืองใหญ่ ไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ อยากเที่ยวแบบไม่รีบร้อน สบายๆ และมองหาทริปที่เน้นกิจกรรมแบบ Active leisure ไว้เติมพลัง เอ็นจอยกับไลฟ์สไตล์จิบเบียร์ แวะคาเฟ่ ผู้คนน่ารักเป็นกันเอง ที่นี่เป็นเมืองของคุณ
ภาพ: ภัทรศยา เชาว์รัศมีกุล, Tourism and Events Queensland


