×

ลาพักร้อน…แต่ยังต้องทำงาน ผิดที่เราหรือผิดที่ระบบ?

31.10.2025
  • LOADING...
working-on-vacation

ช่วงเดือนที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้ลาพักร้อนไปต่างประเทศ ขณะที่กำลังนั่งเครื่องบินขากลับ เราได้นั่งข้างผู้โดยสารคู่รักชาวไทยคู่หนึ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายและเสียงจอแจของผู้โดยสารท่านอื่นที่ทยอยเดินกันเข้ามาในลำอย่างต่อเนื่อง คู่รักข้างเรากลับอยู่ในภวังค์ความเงียบจนเราสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ 

 

ด้วยความใกล้ ทำให้เราได้ยินบทสนทนาทั้งหมดโดยไม่ตั้งใจ 

 

“เธอเป็นอะไร” ฝ่ายหญิงถามแฟนหนุ่มตัวเอง ฝ่ายชายเงียบไป ก่อนจะโพล่งออกมาทั้งน้ำตา “เราเครียด…” 

 

ภาพชายหนุ่มที่ภายนอกดูกำยำรีบดึงคอเสื้อขึ้นมาซับน้ำตานั้น ยิ่งทำให้ความอัดอั้นตันใจที่เขาระบายฟังดูหนักขึ้น “เราลามาเที่ยวแต่ก็ยังต้องทำงานตลอด เราไม่ได้พักเลย เดี๋ยวกลับไปก็ต้องทำงานอีกแล้ว…” 

 

คำพูดของชายแปลกหน้าในวันนั้นทำให้เราย้อนคิดถึงอดีตของตัวเองที่เคยเจอเหตุการณ์ในลักษณะคล้ายคลึงกัน จนเกิดเป็นคำถามในใจว่า “ทำไมลาพักร้อน…แต่ยังต้องทำงาน?”  

 

วันนี้เราเลยอยากชวนมาสำรวจว่า ที่จริงแล้วเป็นเพราะ ‘เรา’ เลือกที่จะไม่พัก หรือเป็นเพราะ ‘ระบบ’ บังคับให้เราปฏิเสธการพักผ่อนไม่ได้กันแน่?

 

ความกดดันที่ฝังอยู่ในระบบ

 

  • ระดับองค์กร

เราอาจอยู่ในวัฒนธรรมที่คาดหวังการอุทิศตัว (จนเกินไป) การไม่ตอบแชทในวันลาอาจถูกตีความว่าไม่ทุ่มเท ประกอบกับการที่องค์กรขาดระบบการส่งต่องานหรือสำรองคนที่ชัดเจน 

 

เมื่อไม่มีใครทำแทนได้ ความรับผิดชอบจึงกลายมาเป็นข้อบังคับที่บีบให้เราต้องทำงาน แม้จะลาอยู่ก็ตาม

 

  • ระดับทีม

เมื่อเพื่อนร่วมงานลาแต่ยังตอบแชท มันกลายเป็นบรรทัดฐานกดดันที่ทำให้เราไม่กล้าเป็นคนเดียวที่ตัดขาด กลายเป็นความเกรงใจที่บีบบังคับให้เราต้องยอมทำตามน้ำไป

 

  • ระดับตัวเรา

เรารู้สึกผิดที่จะทิ้งภาระให้คนอื่น เราถูกทำให้กลัวว่างานจะพังถ้าไม่มีเรา จนสุดท้าย เราก็บังคับตัวเองฝืนทำไปเพื่อให้งานเสร็จลุล่วง 

 

เมื่อการพักไม่จริงไม่ได้นำมาแค่ความนอยด์

 

ผลกระทบจากการไม่ได้พักจริงอาจไม่ใช่แค่ความนอยด์ แต่มันคือภาวะหมดไฟ (Burnout Syndrome) ที่ทำให้สุขภาพจิตพัง และส่งผลต่อประสิทธิภาพงานที่ลดลงในระยะยาว เมื่อไม่มีใครได้พักอย่างเต็มที่ ทุกคนเหนื่อยล้าเกินไป องค์กรก็อาจพัฒนาได้ช้าลง  

 

เราจะทวงคืนสิทธิ์ในการพักได้อย่างไร?

 

1. ที่ตัวเรา

สร้างขอบเขตที่ชัดเจน สื่อสารล่วงหน้า และฝึกปฏิเสธอย่างสุภาพแต่มั่นคง ที่สำคัญคือ การเตรียมความพร้อมก่อนลา ซึ่งมี 2 ส่วนหลัก

  • เคลียร์งานให้เสร็จ: บริหารจัดการงานที่สามารถจบได้ให้เสร็จเรียบร้อยที่สุด
  • เตรียมส่งมอบงาน: สำหรับงานที่จำเป็นต้องรันต่อ ก็ต้องทำการส่งมอบงานที่ชัดเจน พร้อมระบุผู้รับผิดชอบให้ครบถ้วน

 

2.ที่ทีม

สร้างวัฒนธรรมที่เคารพเวลาส่วนตัว ไม่คุยสิ่งที่ข้องเกี่ยวกับงานกับคนที่ลา และผู้นำเองก็ควรเป็นตัวอย่างของการลาแล้วหายจริง

 

3. ที่องค์กร

สร้าง Backup System ที่ใช้งานได้จริงเพื่อให้มีผู้รับมอบงานต่อ เช่น การกำหนดกระบวนการส่งมอบงานล่วงหน้าที่ชัดเจน, การมี Knowledge Sharing System (SOPs, ไฟล์งานส่วนกลาง) และที่สำคัญคือ วัดผลจากคุณภาพงาน ไม่ใช่การออนไลน์ตลอดเวลา

 

การลาคือสิทธิ์…ที่กฎหมายรับรอง

 

เราอาจจะลืมไปว่า วันลาพักร้อนไม่ใช่ของขวัญจากองค์กร แต่เป็น ‘สิทธิ์’ ที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดไว้ 

 

เจตนารมณ์ของกฎหมายข้อนี้ชัดเจนว่าคือการให้เราได้พักผ่อน เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่แค่การหยุดงานเพื่อมาสแตนด์บายทำงานอีกที

 

ดังนั้น ลองเริ่มที่การลาครั้งหน้า ลองให้ตัวเองได้พักจริงๆ แล้วคุณจะพบว่า นอกจากโลกจะไม่แตก งานจะไม่พัง คุณยังจะกลับมาด้วยพลังและมุมมองที่สดใหม่กว่าเดิม 

 

แต่ถ้าคุณพยายามเต็มที่ดั่งทุกข้อที่กล่าวมาแล้ว แต่สิทธิ์ของคุณยังถูกละเมิดอยู่ดี นั่นไม่ใช่ความผิดคุณ แต่มันคือข้อพิสูจน์แล้วว่า…ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ   

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising