×

กมธ. สาธารณสุข ชี้ระบบ สปสช. วิกฤต จ่ายต่ำกว่าทุนทำ รพ. หนี้ท่วม ต้องดึงเงินสิทธิอื่นอุ้มบัตรทอง ขอรัฐเร่งอนุมัติงบกลาง 3 พันล้านบาท

โดย THE STANDARD TEAM
30.10.2025
  • LOADING...
กมธ. สาธารณสุข ชี้ระบบ สปสช. วิกฤต จ่ายต่ำกว่าทุนทำ รพ. หนี้ท่วม ต้องดึงเงินสิทธิอื่นอุ้ม บัตรทอง ขอ รัฐ เร่งอนุมัติงบกลาง 3 พันล้านบาท

วันนี้ (30 ตุลาคม) นพ.โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย สส. ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย พญ.กัลยพัชร รจิตโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน รองประธาน กมธ.ฯ คนที่หนึ่ง แถลงข่าวกรณีการบริหารจัดการกองทุนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

 

นพ.โอชิษฐ์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ กมธ. ได้เชิญ สปสช. และ กองเศรษฐกิจสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มารับทราบปัญหาการจัดการกองทุน พร้อมเสนอแนะวิธีที่จะทำให้ กองทุนฯ ดังนี้ 1. กองทุนฯ สะท้อนต้นทุนการรักษาที่แท้จริงในแต่ละโรค 2. ต้องจ่ายเงินให้โรงพยาบาลรวดเร็วและตรงเวลามากที่สุด เพื่อเพิ่มการไหลของเงินในการให้บริการโดยไม่ต้องรอเวลา และ 3. การจัดสรรงบประมาณกองทุนฯ ต้องทำให้เพียงพอ เพราะที่ผ่านมามีการประมาณการล่วงหน้าและไม่เพียงพอ

 

นอกจากนี้ กมธ.ฯ ยังเป็นห่วงการบริหารจัดการเงินบํารุงสาธารณสุขของแต่ละโรงพยาบาล ที่อยากให้ กองเศรษฐกิจสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข มอนิเตอร์ตัวเลขโรงพยาบาลที่กําลังเริ่มขาดทุน หรือขาดทุนเรื่อยๆ เพื่อหากระบวนการในการแก้ไข

 

ด้าน พญ.กัลยพัชร กล่าวถึงการจ่ายเงินชดเชยของ สปสช. ที่จ่ายให้โรงพยาบาลที่น้อยกว่าต้นทุนจริงว่า ส่งผลให้เกิดวิกฤตหนี้โรงพยาบาล เกิดจากการจัดสรรต้นทุนผู้ป่วยในที่ต่ำกว่าจํานวนจริงมาก ซึ่งจากการวิจัยพบว่า ต้นทุนการบริการผู้ป่วยอยู่ที่ 13,240 บาทต่อหน่วย แต่ สปสช. จ่ายเพียง 8,350 บาทต่อหน่วย ทําให้ขาดทุนซึ่งไม่เพียงสิทธิบัตรทองเท่านั้น แต่รวมถึงสิทธิประกันสังคม มีเพียงสิทธิเดียวที่ได้กําไรคือสิทธิข้าราชการ ได้ประมาณ​ 14,000-15,000 บาทต่อหัว

 

พญ.กัลยพัชร กล่าวอีกว่า ทำให้ยิ่งโรงพยาบาลรับผู้ป่วยมากเท่าไหร่ยิ่งขาดทุน และไม่สามารถปฏิเสธผู้ป่วยในที่เลือกไม่ได้ โดยในปี 2567 โรงพยาบาลตั้งบริการไว้ 8 ล้านแต้ม แต่มีผู้ใช้บริการ 9 ล้านแต้ม คิดเป็นเงิน 8,000 ล้านบาทที่หายไป เมื่อผู้ป่วยมากขึ้น ซับซ้อนขึ้น โรงพยาบาลก็ยิ่งแบกรับภาระมากขึ้น ส่งผลต่อการแบกรับภาระทำให้ต้องตัดค่าใช้จ่ายในส่วนของบุคลากร การจ่ายยาที่น้อยลง ส่งผลต่อคุณภาพการบริการ

 

ขณะเดียวกัน โรงพยาบาลชดเชยการขาดทุนด้วยการเก็บเงินงบประมาณของผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมและสิทธิข้าราชการ มาสมทบบรรเทาหนี้ที่ สปสช. ติดค้างไว้ ซึ่งไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง สร้างความเหลื่อมล้ำ และเป็นวิกฤตที่กระทบต่อความน่าเชื่อถือของระบบสาธารณสุข

 

“สปสช. เป็นหน่วยงานที่เสียความน่าเชื่อถือมากที่สุด ถูกตั้งคำถามถึงประโยชน์งาน รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ที่คิดขึ้นมาใหม่ ถูกตั้งคำถามว่า สปสช. ควรจะทําในสิ่งที่จําเป็นก่อนหรือไม่ ระบบบริการสุขภาพของรัฐเสียความน่าเชื่อถือในภาพรวม ประชาชนเริ่มไม่มั่นใจในระบบ ทำให้มองหาระบบการให้บริการของเอกชนที่เพิ่มค่าใช้จ่ายในครอบครัวทุกครัวเรือน ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีใครได้ประโยชน์เลย”

 

พญ.กัลยพัชร กล่าวว่า ในวันนี้ กมธ. ได้รับข้อสรุปเชิงบวกว่า สปสช. จะยกเลิกการเก็บรีรันย้อนหลัง และยกเลิกมาตรการคืนเงิน 10 เดือนครึ่งที่ผ่านมา โดยยังคงจ่ายที่ 8,350 บาทต่อแต้ม ส่วนเดือนที่เหลือของปีนี้ จะได้เพียง 5,000 บาทต่อแต้ม ซึ่ง สปสช. และ สธ. จะร่วมกันของบประมาณกลาง 3,000 ล้านบาท เพื่อให้เฉลี่ยต่อแต้มกลับมาเท่าเดิม ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการเบิกจ่ายงบกลาง

 

ในการจัดสรรงบปี 2570 กมธ. เสนอให้ใช้ระบบ AI ช่วยตรวจสอบเวชระเบียนแทนการสุ่มตรวจ, ยึดตามมูลค่าการรักษาจริง, และจ่ายเงินให้เร็วขึ้น รวมทั้งเสนอให้แยกงบประมาณบุคลากรออกจากการรักษาอย่างชัดเจน

 

พญ.กัลยพัชร กล่าวย้ำว่า เราเห็นความพยายามร่วมกันหาทางออก แต่ขาดฝ่ายบริหาร คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายกรัฐมนตรี ที่คุมงบกลางยังไม่มีการเซ็นเพิ่มงบให้ ชี้ให้เห็นว่าการของบกลางเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ยั่งยืน และอยากให้ฝ่ายบริหารสนใจกองทุน สปสช. ที่ดูแลคนไทยอยู่ 48.8 ล้านคน ซึ่งกําลังจะพังแหล่ไม่พังแหล่ เพราะงบประมาณที่หารรายหัวขณะนี้ เหลือเพียง 3,100 บาทต่อหัวต่อปีเท่านั้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising