เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เตือนนักลงทุนไม่ให้รีบคาดการณ์ว่า Fed จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม หลังจาก Fed เพิ่งประกาศลดดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น สหรัฐฯ
พาวเวลล์ กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมว่า “การปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธันวาคม ไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินใจไว้ล่วงหน้า และยังห่างไกลจากความแน่นอนมาก” ถ้อยแถลงดังกล่าวดูเหมือนจะมุ่งหมายไปที่การลดความคาดหวังในตลาดการเงิน เนื่องจากก่อน Powell แถลง นักลงทุนในตลาดประเมินความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ในเดือนธันวาคมไว้สูงกว่า 90% แล้ว
โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของ Fed (FOMC) ลงมติ 10 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือในช่วง 3.75%–4% นอกจากนี้ Fed ยังประกาศว่าจะยุติการลดขนาดงบดุล (Balance Sheet) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการปิดฉากกระบวนการที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2022
โดยที่ผ่านมา Fed ได้ขายพันธบัตรรัฐบาลและหลักทรัพย์จำนองออกจากพอร์ตไปแล้วกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้งบดุลรวมลดลงมาอยู่ที่ต่ำกว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020
ในแถลงการณ์หลังการประชุม Fed ระบุว่าการจ้างงานชะลอตัวลง และความเสี่ยงต่อการจ้างงานเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมยังเติบโตในระดับปานกลางและอัตราเงินเฟ้อ ปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี และยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม มีกรรมการ Fed บางส่วนไม่เห็นด้วยกับมติครั้งนี้ โดย Stephen Miran ผู้ว่าการ Fed คนใหม่ต้องการให้ลดดอกเบี้ยมากกว่านี้ (0.5%) ขณะที่ Jeff Schmid ประธาน Fed สาขาแคนซัสซิตีต้องการคงดอกเบี้ยไว้ตามเดิม หลังเคยสนับสนุนให้ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก่อนหน้า
Powell ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าการขาดข้อมูลทางเศรษฐกิจในช่วง Government Shutdown อาจทำให้ Fed ต้องดำเนินนโยบายด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
ทั้งนี้ Fed เริ่มกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้เมื่อเดือนที่แล้ว หลังตัวเลขการจ้างงานในตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด จนสร้างความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจเริ่มแสดงสัญญาณเปราะบาง
ดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับอย่างรวดเร็วในวันพุธ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงต้นการซื้อขาย ก่อนจะปรับตัวลงหลังจากที่ พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่า Fed อาจจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2025
โดยดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 74.37 จุด หรือ 0.2% ที่ระดับ 47,632.00 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับลงเล็กน้อย ปิดที่ 6,890.59 จุด ขณะที่ Nasdaq Composite ปรับตัว ขึ้น 0.55% ทำสถิติ ปิดตลาดสูงสุดใหม่ที่ 23,958.47 จุด ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้น Nvidia
ด้าน Nvidia ได้สร้างสถิติใหม่ในวันเดียวกัน โดยกลายเป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) ทะลุ 5 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ Nvidia กลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อภาพรวมของตลาดหุ้นในขณะนี้
โดยราคาหุ้น Nvidia พุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวันกว่า 5.5% ดันมูลค่าบริษัทให้ทะลุระดับสำคัญดังกล่าว
ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดกลับขึ้นไปเหนือระดับ 4% ซึ่งส่งผลให้หุ้นที่มักได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยสูงร่วงลงนำตลาด หุ้นกลุ่มผู้บริโภค เช่น Costco และ McDonald’s ต่างปรับตัวลดลง รวมถึงหุ้นในกลุ่มการเงินอย่าง Visa และ Mastercard ก็ปิดตลาดในแดนลบเช่นกัน
อ้างอิง:


