หลังจบฤดูกาล 2025 ลงไปไม่นาน ภาพสะท้อนการแข่งขันเกม VALORANT โดยเฉพาะในฝั่ง Pacific กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของจำนวนผู้เล่น แฟนคลับ และทีมหน้าใหม่ที่พุ่งทะยานเข้าสู่เวทีอาชีพ
แต่ในปี 2026 นี้ เส้นทางของเหล่า Challengers กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อ Riot Games ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ในระบบ Path to Champions ที่จะพลิกโฉมโครงสร้างการแข่งขันของลีก Challengers ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป
🔺 เส้นทางใหม่ของทีม Challengers
จากเดิมที่ทีมต้องผ่านรอบ Ascension เพื่อเลื่อนชั้นสู่ลีกระดับนานาชาติ โดยปีหน้า ทีมจาก Challengers จะได้มีโอกาสต่อสู้โดยตรง เพื่อคว้าสิทธิ์เข้าสู่รอบ Stage 2 Playoffs ของลีกอินเตอร์ จุดเริ่มต้นสู่เส้นทาง VALORANT Champions
ในปี 2026 แต่ละลีกระดับนานาชาติจะมอบ 4 สิทธิ์ ให้ทีมจาก Challengers เข้าร่วม Stage 2 Playoffs โดยโควตาของภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก (APAC) จะจัดสรรดังนี้
- ทีมอันดับ 1 จาก Southeast Asia, Japan, และ Korea ได้สิทธิ์เข้าสู่ Stage 2 Playoffs โดยตรง
- สิทธิ์สุดท้าย (อันดับ 4) จะตัดสินผ่านรอบ Last Chance Qualifier (LCQ) ระหว่างทีมจาก South Asia, Oceania และทีมอันดับ 2–3 จาก Southeast Asia
นอกจากนี้ ทีม Challengers ที่ทะลุเข้าสู่ Stage 2 Playoffs จะได้รับเงินสนับสนุน 75,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.5 ล้านบาท) เพื่อใช้พัฒนาและเตรียมทีมสำหรับการแข่งขันระดับโลก
ส่วนทีม Academy จะยังคงแข่งขันในลีก Challengers ได้เช่นเดิม แต่จะไม่สามารถผ่านเข้าสู่ Stage 2 Playoffs และตั้งแต่ปี 2026 ระบบ “ป้องกันการตกชั้น” (relegation protection) สำหรับทีม Academy จะถูกยกเลิก เพื่อให้การแข่งขันเข้มข้นและเป็นธรรมยิ่งขึ้น
ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละภูมิภาคจะประกาศในเร็วๆ นี้
🔺 โฉมใหม่ของ Challengers SEA
Riot ยังประกาศโครงสร้างใหม่ของ Challengers Southeast Asia (SEA) ที่จะเปิดเวทีให้ผู้เล่นท้องถิ่นได้เปล่งประกายมากขึ้น ด้วยการแข่งขันแบบ 2 Split ต่อปี ผสานรอบ Local Qualifier ในประเทศ และรอบ Pan-Regional ระดับภูมิภาค
เส้นทางเริ่มจากรอบ Open Qualifier ในแต่ละประเทศ ทีมที่ผ่านเข้ามาจะลงแข่งใน Local Qualifier Tournament โดยทีมอันดับ 1-2 จะได้สิทธิ์เข้าสู่ Challengers SEA (12 ทีมต่อ Split)
ในปี 2026 จะมีการแข่งขันใน ไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และฟิลิปปินส์
ส่วนประเทศอื่น ๆ จะเข้าร่วมในรอบ Final Qualifier และทีมที่ทำผลงานเด่นในระบบ Premier จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วม Challengers SEA ด้วย
นอกจากนี้ Riot ยังเตรียมยกเลิกข้อจำกัดด้านการถ่ายทอดสดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์ในแต่ละประเทศถ่ายทอดสดได้ในภาษาท้องถิ่น เพื่อให้ชุมชนแฟน VALORANT เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น
ทางด้าน เจค สิน หัวหน้า VALORANT Esports ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า “เราอยากเห็นทีมจากเอเชียแปซิฟิกมีพื้นที่แสดงศักยภาพบนเวทีโลกมากขึ้น การปรับโครงสร้างครั้งนี้คือการเปิดประตูให้เหล่า Challengers ได้พิสูจน์ตัวเอง และสร้างตำนานใหม่ในเวที VALORANT Esports”


