ประเด็นร้อนอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา กลายเป็นปัญหาระดับโลก ทั้งการเดินหน้าตามตัวผู้ต้องสงสัยคดีนักศึกษาเกาหลีใต้เสียชีวิตในกัมพูชา สแกมเมอร์หลอกลวงอีกนับพันคน กระทั่งรัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศห้ามพลเมืองเดินทางไปบางพื้นที่ในกัมพูชา
ล่าสุด สำนักข่าว Korea times อ้างอิงข้อมูลรัฐบาล ที่ออกมาเปิดเผยว่า Prince Group ทำธุรกรรมผ่านธนาคารเกาหลีใต้ ในกัมพูชาจนประสบความสำเร็จ ท่ามกลางข้อกังขาที่เกาหลีใต้เป็นประเทศที่กำลังถูกพูดถึงมากเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติที่นานาประเทศ มุ่งเป้าไปยังชาวเกาหลีใต้ในขณะนี้
ข้อมูลจากรัฐบาลเผยว่า ความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเครือข่ายอาชญากรรมในกัมพูชา กำลังทำลายความพยายามในการปรับโครงสร้างองค์กรและการขยายธุรกิจไปทั่วโลกของธนาคารเกาหลีที่ดำเนินมายาวนานหลายปี โดยแทนที่จะได้รับการยกย่อง ความสำเร็จนี้กลับสร้างความกังวลว่า ผู้ให้กู้ชาวเกาหลี อาจถูกเครือข่ายอาชญากรที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับการลักพาตัว ฉ้อโกง ทรมาน และแม้กระทั่งสังหารชาวเกาหลีในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อนำไปเรียกหาผลประโยชน์
สหรัฐฯ แบล็กลิสต์ Prince Group ‘องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ’
รายงานข่าวระบุว่า หนึ่งในลูกค้าที่น่ากังวลก็คือ กลุ่ม บริษัท Prince Group ที่กระทรวงการคลังสหรัฐบันทึกให้เป็น ‘องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ’
ตามรายงานของ Financial Supervisory Service หรือ FSS ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของเกาหลีใต้ จัดให้กัมพูชาติดอันดับ 1 ประเทศมีประสิทธิภาพในทำธุรกิจของธนาคารเกาหลีในปี 2024 จากทั้งหมด 41 ประเทศ
ในกัมพูชามีธนาคารภาคเอกชนเกาหลีอย่าง KB Kookmin Bank, Shinhan Bank, Woori Bank และ iM Bank ที่มีธุรกิจดำเนินการในกัมพูชา 1 ธุรกิจ ขณะที่ Jeonbuk Bank มีอีก 2 ธุรกิจ
ส่วนกลุ่มธนาคารของรัฐ และธนาคารที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของรัฐบาลเกาหลี อย่าง Export-Import Bank of Korea, Industrial Bank of Korea, NH NongHyup Bank และ Suhyup Bank ต่างให้บริการการเงินกับลูกค้ารายย่อยในกัมพูชาผ่านสาขาต่างๆ ของบริษัท บริษัทในเครือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รังสแกมเมอร์ เขมร-เมียนมา ล้อม ‘ไทย’ ทำไมยิ่งไล่ล่า ยิ่งเฟื่องฟู? ถึงเวลาลงดาบแบบสหรัฐฯ เกาหลีใต้ แล้วหรือยัง
- เปิดข้อเท็จจริงพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา กางสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ยืนยัน ‘เกาะกูด’ เป็นของไทย
เป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่า FSS ยังให้คะแนนธนาคารเหล่านี้สูง ในด้านความพยายามดำเนินธุรกิจในท้องถิ่นต่างประเทศ รวมถึงให้คะแนนสูงด้านสัดส่วนลูกค้าท้องถิ่น พนักงาน และผู้บริหารรวมถึงความสามารถดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ
คะแนนเหล่านี้สูงพอที่จะชดเชยจุดอ่อนของธนาคารที่มีรายได้สุทธิรวมลดลง 9.2% ซึ่งลดลงจาก 145 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 เหลือ 132 ล้านดอลลาร์ในปี 2567
ทั้งนี้ กัมพูชาได้คะแนนจากการจัดอันดับของ FSS ในหมวดประเทศที่มีประสิทธิสำหรับการทำธุรกิจของมากที่สุด ที่ระดับ 1+ เกินกว่าคะแนนเฉลี่ย 1 ของทั้ง 41 ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ขณะที่ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ได้คะแนน -1
อย่างไรก็ตาม กลุ่มพลเมืองและผู้สังเกตการณ์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญตลาดการเงิน ออกมาตั้งคำถามว่า คะแนนที่สูงอาจถูกมองข้ามความเสี่ยงร้ายแรงที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นกัมพูชาขณะนี้หรือไม่
นักเคลื่อนไหวจาก Citizens’ Coalition for Economic Justice (CCEJ) กล่าวว่า ความพยายามปรับตัวเข้ากับท้องถิ่นของธนาคารเกาหลีนั้นน่ายกย่องก็จริง แต่สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความเสี่ยงว่า พวกเขาอาจถูก Prince Group ใช้โดยไม่รู้ตัว
นักเคลื่อนไหว CCEJ ชี้ธนาคารเกาหลีในกัมพูชาอาจถูกกลุ่มอาชญากรเรียกผลประโยชน์
ก่อนหน้านี้ สส. คัง มินกุก จากพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้เปิดเผยข้อมูล พบว่า Prince Group ทำธุรกรรม 52 รายการผ่านธนาคารเกาหลีในกัมพูชา ซึ่งคิดเป็นเงินราว 137.7 ล้านดอลลาร์ และยังเหลือเงินอีก 9.12 หมื่นล้านวอน หรือราว 2,000 ล้านบาท ฝากไว้ในธนาคารเกาหลี แม้ภายหลังมีรายงานว่าเงินก้อนดังกล่าวถูกอายัดแล้ว
เจ้าหน้าที่ในอุตสาหกรรม ออกมาเผยอีกว่า ธนาคารเกาหลีในกัมพูชาให้บริการลูกค้ารายย่อย โดยปรับบริการให้เหมาะสมตามความต้องการในท้องถิ่น เช่น การฝาก-ถอนเงิน การแลกเปลี่ยนเงิน และบริการบัตรเครดิต
ในขณะที่บริการเหล่านี้มีขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า แต่บริการเหล่านี้ก็อาจทำให้กลุ่มอาชญากรสามารถดำเนินการกับเหยื่อชาวเกาหลีได้ง่ายขึ้นด้วย
นักเคลื่อนไหว CCEJ ระบุว่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าว ยากที่จะตัดความเป็นไปได้ที่ธนาคารเกาหลีในกัมพูชาอาจถูกกลุ่มอาชญากรแสวงหาประโยชน์
“ธนาคารต่างๆ ควรดำเนินงานด้วยความระมัดระวังมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ และ FSS ควรพิจารณาเกณฑ์การประเมินใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าความพยายามในการขยายธุรกิจไปทั่วโลก จะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน”
แนะรัฐบาลไทยใช้เวทีอาเซียน ชูบทบาทผู้นำแก้อาชญากรรมข้ามชาติ
ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน อาจารย์ประจำศูนย์เกาหลีศึกษา และอดีตประธานศูนย์เกาหลีศึกษา สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า จริงๆแล้วประเด็นเหล่านี้ก็เกิดขึ้นที่ไทยเช่นกันและเกิดขึ้นมานานมากแล้ว
เมื่อพูดถึงเกาหลีใต้ก็ได้มีการเข้ามาลงทุนอาเซียนทั้งไทย เวียดนาม สปป.ลาว แต่ในกัมพูชามีลักษณะพิเศษตรงที่ว่า เป็นการช่วยเหลือแบบให้เปล่าเยอะ ใช้โมเดลที่ให้ประเทศที่ด้อยพัฒนาโดยเฉพาะยุครัฐบาลยุน ซอกยอน
อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดปัญหารัฐบาลเกาหลีใต้ก็แก้ปัญหารวดเร็วซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการเมืองที่เป็นรัฐบาลใหม่ก็ถูกกดดันให้แก้ปัญหา
ขณะที่ไทย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ควรใช้โอกาสจากการประชุมระดับนานาชาติ 2 เวทีใหญ่ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อประกาศจุดยืนผู้นำแก้ปัญหาสแกมเมอร์ เนื่องจากมีภูมิประเทศใกล้ชิดกับกัมพูชา และเป็นฐานที่ตั้งสำคัญของปัญหาดังกล่าว
ทั้งการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และ การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) เกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้นำระดับโลกเข้าร่วม เช่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
“ประเทศไทยควรจะจับมือกับเกาหลีใต้ เพราะเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งจีนและอเมริกา เราควรเสนอกับเกาหลีใต้ว่า ยินดีที่จะเป็นเซ็นเตอร์หรือเป็นฮับ แก้ปัญหาสแกมเมอร์ เชื่อว่าถ้าเราประกาศทุกประเทศ ก็พร้อมจะลงขัน โดยการดำเนินการนี้เป็นการช่วยกันจู่โจมสแกมเมอร์ ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และไม่มีเจตนาต่อว่าประเทศกัมพูชา” ดร.ไพบูลย์ กล่าว
อ้างอิง: