ปี 2025 “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวและเป็นที่จับตาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการทำราคานิวไฮในปีนี้ และมีการปรับลดราคาลงในเวลาต่อมา ภายใต้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมืองโลก แม้หลายคนจะมองว่าราคาทองคำกำลังปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ทองคำก็ยังคงเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ที่นักลงทุนยังไม่ควรมองข้ามไป
❔เพราะอะไรถึงยังไม่ควรมองข้ามทองคำ?
- แนวโน้ม Fed จะลดดอกเบี้ยยังสูง
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มสูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีดอกเบี้ยก็จะลดลงอย่างชัดเจน ทำให้ทองคำน่าดึงดูดใจในฐานะสินทรัพย์ลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ ราคาทองคำจึงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นในช่วงเริ่มต้นของวัฏจักรการลดดอกเบี้ย
- ความเสี่ยงเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
สัญญาณเศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อดื้อดึง การขาดดุลการคลังของหลายประเทศ และความตึงเครียดระหว่างประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าเดิม ทองคำจึงได้รับบทบาทเป็น “ที่หลบภัย” ที่มั่นคงกว่าพันธบัตรหรือสกุลเงินหลักในหลายจังหวะ
- ธนาคารกลางซื้อทองต่อเนื่อง
การที่ธนาคารกลางหลายประเทศยังคงสะสมทองคำ ไม่ใช่เพียงเพื่อเก็งกำไร แต่เพื่อเสริมความมั่นคงของทุนสำรองระยะยาว สะท้อนความเชื่อมั่นว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบการเงินโลก ดีมานด์จากกลุ่มนี้ช่วยพยุงราคาทองอย่างมีนัยสำคัญ
- ทองคำช่วยลดความเสี่ยงรวมของพอร์ตลงทุน
ทองคำมักเคลื่อนไหวในทิศทางสวนกับตลาดหุ้น ทำให้มีบทบาทชัดเจนในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยง เมื่อหุ้นเกิดแรงขายหรือเศรษฐกิจชะลอ ทองคำมักปรับตัวในทิศทางตรงกันข้าม ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวมได้ดี
- จัดสรรทอง 5-10% ในพอร์ต
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากแนะนำว่า การถือทองไว้ราว 5–10% ของพอร์ตเป็นระดับที่ช่วยสร้างสมดุล รับมือกับภาวะดอกเบี้ยผันผวน ความเสี่ยงเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนเชิงภูมิรัฐศาสตร์ได้ดี โดยไม่ต้องเพิ่มภาระการถือสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป
- อุปทานทองคำที่จำกัด
กำลังการผลิตทองคำจากเหมืองทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้า สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลให้อุปสงค์มีมากกว่าอุปทานอย่างชัดเจน และเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ขับเคลื่อนราคาทองคำ
ทั้งนี้ UOB คาดการณ์ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งแตะ 4,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ภายในไตรมาส 3 ปี 2026 (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2025) โดยมีเงื่อนไขว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินโลกยังคงดำเนินไปในทิศทางปัจจุบัน
โอกาสของนักลงทุนไทยอยู่ตรงไหน?
1. สินทรัพย์ปลอดภัยในพอร์ต การมีทองคำ 5-10% ในพอร์ตลงทุนช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวมได้ดี โดยเฉพาะช่วงตลาดหุ้นและเศรษฐกิจไม่ดี
2. เข้าถึงทองคำได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคย ผ่าน “กองทุนทองคำ” ที่อ้างอิงราคาทองคำโลก ไม่ต้องซื้อทองคำแท่งจริง ใช้เงินน้อย ไม่มีความเสี่ยงจัดเก็บ ซื้อขายผ่านธนาคารหรือ บลจ.ได้ทันที
3. ป้องกันความผันผวนของค่าเงินบาท การลงทุนในกองทุนทองคำสามารถป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนไทยที่ต้องการลดผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ผันผวน
4. ลงทุนได้ทั้งสั้นและยาว ทองคำเหมาะทั้งเก็งกำไรและลงทุนระยะยาว เช่น วางแผนเกษียณ เพราะรักษามูลค่าเงินได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่น
UOB Solutions
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงทองคำโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการซื้อขายจริง UOB มีทางเลือกการลงทุนที่ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ
💰กองทุนในประเทศ (Onshore Fund)
UOBSG-H (กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ฟันด์ H)
ลงทุนใน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ถือทองคำแท่งจริงและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ จุดเด่นคือมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) เพื่อช่วยลดความผันผวนจากค่าเงินบาท
💰กองทุนต่างประเทศ (Offshore Fund)
Pictet Physical Gold Fund
กองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งขนาด 400 ออนซ์ ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในตลาดโลก มีความบริสุทธิ์ 99.5% ขึ้นไป หรือทองคำแท่งน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ที่มีความบริสุทธิ์ 99.9% ขึ้นไป
💰กองทุนลดหย่อนภาษี (Retirement Fund)
UOBGRMF-H (กองทุนเปิด ยูโอบี โกลด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ H)
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณพร้อมได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี โดยยังคงได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมกับ UOB หรือติดต่อที่ปรึกษาทางการเงิน (Client Advisor) ของ UOB Privilege Banking โทร. 0 2081 0999 หรือคลิก www.uob.co.th/privilegebanking
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน



